แอสเซทไวส์ ฟอร์มดีสร้างสถิติสูงสุดครั้งใหม่ด้วย รายได้กว่า 7,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 20% และกำไรสุทธิ 1,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดขายพรีเซลปีที่ผ่านมาทำได้ 16,486 ล้านบาท เติบโต 16% ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ปี 2567 เดินหน้าบุกตลาดอสังหาริมทรัพย์ต่อเนื่อง วางแผนเปิด 12 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 25,920 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าหมายยอดขาย 17,800 ล้านบาท เติบโต 8% และรายได้ที่ 8,700 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38%

นายกรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” เปิดเผยว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 2566 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ สร้างสถิติสูงสุดใหม่ (New High) ด้วยรายได้ 7,175 ล้านบาท เติบโต 20% และมีกำไรสุทธิ 1,092 ล้านบาท เป็นผลมาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการใหม่ที่สร้างเสร็จอย่างต่อเนื่องสูงถึง 10 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 14,530 ล้านบาท ซึ่งเป็นแรงส่งที่ดีในการรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2566-2567 ขณะที่ยอดขาย (Pre-sale) สะสมของปี 2566 สร้างสถิติสูงสุดใหม่เช่นเดียวกันที่ 16,486 ล้านบาท เติบโต 16% เมื่อเทียบกับปีก่อนและสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้เดิม โดยมีการเปิดโครงการใหม่รวม 15 โครงการ มูลค่ากว่า 30,260 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้เดิมที่ 12 โครงการ มูลค่า 22,500 ล้านบาท

ทั้งนี้ ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 แม้ว่าเป็นปีที่ท้าทายเนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมมีปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและภายนอกประเทศ อย่างไรก็ตามการเติบโตขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการที่สามารถมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ และมีศักยภาพพร้อมที่จะลงทุน โดยในปีที่ผ่านมา ASW ได้เข้าลงทุนในบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE ซึ่งล่าสุดเมื่อปลายปี 2566 ได้เปิดขายโครงการ เดอะ ไทเทิล เลเจนดารี บางเทา (The Title Legendary Bang-Tao) มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท ได้รับการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นอย่างดี สามารถทำยอดขายได้แล้วกว่า 80% และยังมีแผนพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเข้าลงทุนพัฒนาโครงการโบทานิก้า แกรนด์ อเวนิว (Botanica Grand Avenue) ลักชัวรี่ พูลวิลล่า มูลค่าสูงถึง 13,000 ล้านบาท

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงขับเคลื่อนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเปิดโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 25,920 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดขาย 17,800 ล้านบาท เติบโต 8% ส่วนเป้ารายได้อยู่ที่ 8,700 ล้านบาท เติบโต 38% ผ่านกลยุทธ์สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนมั่นคงในทุกมิติ เช่น มุ่งมั่นสร้างสรรค์บ้านและคอนโดฯคุณภาพ เพื่อครองใจผู้บริโภค โดยจะพัฒนาโครงการต่อเนื่องในทำเลที่มีความเชี่ยวชาญ รวมทั้งขยายโอกาสไปยังทำเลใหม่ๆ ที่มีศักยภาพทั่วกรุงเทพฯ ปริมณฑล พื้นที่ EEC และภูเก็ต ตลอดจนพัฒนาโครงการแนวราบให้มีความหลากหลายทั้งด้านทำเล ราคา เติมเต็มความต้องการของทุกกลุ่ม พร้อมทั้งมุ่งมั่นแสวงหาโอกาสทางธุรกิจ และการลงทุนใหม่ๆ อย่างไม่หยุดนิ่งเพื่อสร้างพอร์ตรายได้ประจำ (Recurring Income) ให้กับบริษัทฯ อย่างสม่ำเสมอในระยะยาว

ขณะที่ในช่วงครึ่งปีแรก 2567 บริษัทฯ เตรียมโอนกรรมสิทธิ์โครงการใหม่อีก 6 โครงการ ประกอบด้วยแคมปัสคอนโดฯ แบรนด์ “KAVE” จำนวนถึง 3 โครงการ ได้แก่โครงการ เคฟ ซี้ด เกษตร (Kave Seed Kaset), เคฟ ยูนิเวิร์ส บางแสน (Kave Universe Bang Saen), เคฟ ทาวน์ ไอส์แลนด์ (Kave Town Island) มูลค่าโครงการรวมกว่า 5,000 ล้านบาท ปัจจุบันทั้ง 3 โครงการมียอดขายเฉลี่ยรวมกว่า 75% นอกจากนี้ยังมีโครงการ แอทโมซ คาแนล รังสิต (Atmoz Kanaal Rangsit) มูลค่า 1,650 ล้านบาท, เดอะไทเทิล ฮาโล วัน ในยาง (THE TITLE HALO 1 NAIYANG), มูลค่า 1,537 ล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยว ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา (The Honor Yothinpattana) มูลค่า 4,200 ล้านบาท, ดิ อาเบอร์ ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ (The Arbor Donmueang – Chaengwatthana) มูลค่า 1,050 ล้านบาท มูลค่ารวมกว่า 13,437 ล้านบาท

นายกรมเชษฐ์ กล่าวต่อว่า คาดการณ์ภาพรวมธุรกิจอสังหาฯ ในปี 2567 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นตามจีดีพี ที่คาดว่าจะขยายตัวที่ 2.2-3.2 โดยมีทั้งปัจจัยกดดัน เช่น ปัญหาหนี้ครัวเรือน, ยอดปฎิเสธสินเชื่อบ้านจากธนาคารพาณิชย์ที่เพิ่มสูงขึ้น เป็นต้น และปัจจัยบวก อาทิ การขยายอายุมาตรการลดหย่อนทางภาษีสำหรับผู้ซื้ออสังหาฯ ราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทไปจนถึงสิ้นปี 2567 ซึ่งจะเป็นตัวเร่งให้ผู้มีความพร้อมซื้อบ้านภายในปีนี้ รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดของอัตราดอกเบี้ยในช่วงกลางปี และการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งล่าสุดมาตรการฟรีวีซ่าถาวรนักท่องเที่ยว “ไทย-จีน” จะเริ่มมีผลบังคับใช้ 1 มีนาคม 2567 นี้ คาดว่าจะส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจไทยให้กลับมาคึกคักมากขึ้น
“ด้วยจุดแข็งของบริษัทฯ ทั้งการเป็นผู้พัฒนาคอนโดฯ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของของกลุ่มลูกค้า การเป็นผู้นำตลาดคอนโดฯ รอบสถานศึกษาที่ยังมีกำลังซื้อสูง รวมทั้งการขยายการลงทุนในจังหวัดภูเก็ตซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ครอบคลุมทั้งคอนโดฯ และพูลวิลล่าระดับลักชัวรี่ เราเชื่อว่าในปี 2567 นี้จะเป็นอีกหนึ่งปีแห่งการเติบโตก้าวที่สำคัญของ ASW” นายกรมเชษฐ์กล่าว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*