CPanel เผยตลาดอสังหาฯระดับกลาง-บนยังขยายตัว ผู้ประกอบการผุดโครงการต่อเนื่อง เน้นใช้ผนังสำเร็จรูปก่อสร้าง ลดต้นทุน บริหารความเสี่ยง ทั้งขยายฐานเจาะลูกค้ากลุ่มรับเหมาก่อสร้าง และงานภาครัฐ โชว์ Backlog 320 ล้านบาท ตั้งเป้าเติบโต 30% กำไรขึ้นต้น 25% รายได้ปีนี้ 370 ล้านบาท  

 

นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีแพนเนล จำกัด (CPanel) ผู้ผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับ กลาง-บนในปี 2560 ว่า มีสัญญาณที่ดี จากการที่ภาครัฐมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจและขับเคลื่อนโครงการเมกะโปรเจ็กต์ต่างๆ ส่งผลให้มีการลงทุนโครงการใหม่มากขึ้น ขณะที่ตลาดผนังสำเร็จรูปในปีนี้ สามารถขยายตัวได้ ปัจจัยมาจากผู้ประกอบการ ด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่มีแผนเปิดตัวโครงการอย่างต่อเนื่อง และมีแนวโน้มที่จะใช้ผนังสำเร็จ รูปแทนการก่อสร้างรูปแบบเดิม

โดยขณะนี้ตลาดผนังสำเร็จรูปยังไม่แข่งขันรุนแรงมากนัก เพราะมีผู้ประกอบการในตลาดเพียง 3 ราย มูลค่าตลาดรวมอยู่ที่ประมาณ 2,000-3,000 บาท โดยCPANEL ถือว่าเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่เข้ามาดำเนินธุรกิจดังกล่าว มีอัตราการเติบโต 100% มาตลอดระยะเวลา3 ปีที่เข้ามาทำตลาด ขณะที่ตลาดรวมจะโตเพียง 30-40% และเชื่อว่าตลาดดังกล่าวจะเติบโตอย่างต่อเนื่องอีกหลายปี เพราะผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่ต่างหันมาใช้ระบบพรีคาสทั้งหมดแล้ว ส่วนผู้ประกอบการรายกลาง-เล็ก เมื่อเห็นตัวอย่างจากผู้ประกอบการรายใหญ่ว่าสามารถสร้างอัตราการเติบโตและมีผลกำไรที่ดีกว่า ก็จะหันมาให้ความสำคัญกับระบบพรีคาสมากขึ้น

 

ปัจจุบันโครงการต่างๆมีความต้องการใช้ผนังคอนกรีตสำเร็จรูปในการ ก่อสร้างแทนวัสดุอื่น เนื่องจากเป็นวัสดุที่ใช้งานง่าย มีความแข็งแรง ลดต้นทุนแรงงาน ตอบโจทย์การบริหารจัดการระยะเวลาการทำงาน และช่วยลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการได้เป็นอย่างดี จากความต้องการดังกล่าวทำให้เชื่อว่า เมื่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ กลับสู่ภาวะปกติความต้องการใช้ง านผนังคอนกรีตสำเร็จรูปจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างทันทีด้วยเช่นกัน

 

สำหรับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ในปีนี้ CPanel ยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิมและเดิน หน้าทำตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูก ค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยที่ผ่านมาจะเน้นลูกค้าที่เป็นกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งแนวราบและ แนวสูง 100% แต่ในปีนี้จะขยายฐานลูกค้าในกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้างอีกด้วย เพราะเริ่มมีการก่อสร้างโครงการคอนโดฯโลว์ไรส์กันมากขึ้น เพราะเจ้าของที่ดินเดิมมีการปล่อยขายที่ดินเพิ่มมากขึ้น จนทำให้ที่ผ่านมาผู้ประกอบการมีที่ดินสะสมค่อนข้างมาก

 

ตลอดจนโครงการก่อสร้างต่างๆของภาครัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรอสัญญาจากโครงการภาครัฐ 3 งาน ซึ่งเป็นงานก่อสร้างอาคารทั้งหมด ด้านผู้รับเหมาฯขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาโครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 4 รายซึ่งเป็นผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการเจราจากับผู้รับเหมาก่อสร้าง จากประเทศมาเลเซียอีก 2 ราย ที่มาก่อสร้างโครงการที่พักอาศัยในกทม. แต่ไม่สามารถเปิดเผยช้อมูลได้

 

“ผู้รับเหมาทั้งในและต่างประเทศ หันมาให้ความสนใจเทคโนโลยีการก่อสร้างเป็นจำนวนมาก สาเหตุมาจากความต้องการลดจำนวนคนหน้าไซต์งาน การส่งมอบงานที่ต้องรวดเร็วขึ้น ปัจจัยดังกล่าวทำให้ผู้รั บเหมาฯหันมาใช้ผนังสําเร็จรูปกั นเป็นจำนวนมาก” นายชาคริต กล่าว

 

ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานในมือ (Backlog) 320 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2561 ขณะที่กำลังการผลิตผนังคอนกรี ตสำเร็จรูปของบริษัทฯปัจจุบันอยู่ ที่ 60-65% และตั้งเป้าอัตราการเติบโตปีนี้ อยู่ที่ 30% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 370 ล้านบาท

 

** prop2morrow โดย คุณวาสนา กลั่นประเสริฐ  เบอร์โทร.02-632-0645 E-mail : was_am999@yaho.com

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*