รอยต่อปีที่แล้วถึงปี 2561 เป็นอีกปีที่ผู้ประกอบการมีการแข่งขันมาก ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ซึ่งก็รวมถึง บมจ.ศุภาลัย หรือ SPALI ที่วันนี้(15 มกราคม) ได้ประกาศแผนการดำเนินงานธุรกิจสู่….จุดเปลี่ยนที่สำคัญ !! หลังจากได้สร้างผลงานในปี 2560 ได้ดีกว่าเป้าที่ตั้งไว้ พร้อมกับได้สร้างปรากฎการณ์ที่ร้อนแรงที่สุด กับโครงการศุภาลัย พรีเมียร์ เจริญนคร คอนโดมิเนียมหรู ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างท่วมท้น โดยสามารถปิดการขายได้ภายในวันแรกที่เปิดจอง รวมทั้งความสำเร็จจากอีกหลากหลายโครงการทั้งในกรุงเทพฯ และโครงการภูมิภาค ที่ได้รับกระแสตอบรับดีเกินคาด ทำให้ในปี 2560ที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้พุ่งทะลุเป้ากว่า 30,777 ล้านบาท เติบโต 27% เมื่อเทียบกับปี 2559 ที่มียอดขาย 24,132 ล้านบาท และเติบโตเกินเป้า 14% เมื่อเทียบกับเป้าหมายยอดขายที่ตั้งไว้ 27,000 ล้านบาท
ยอดขายที่ได้ในปีที่ผ่านมานั้นแบ่งเป็น ยอดขายโครงการคอนโดมิเนียม 15,440 ล้านบาท และยอดขายโครงการแนวราบ 15,337 ล้านบาท โดยมีการเปิดตัวโครงการทั้งหมด 20 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 15 โครงการ และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่ารวม 31,220 ล้านบาท
“เราตั้งเป้าเรคคอร์ด ไฮในทุกๆเรื่อง” นั่นคือธงธุรกิจในปี 2561… “ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” กรรมการผู้จัดการ SPALI กล่าวพร้อมตั้งเป้าหมายยอดขาย 33,000 ล้านบาท ขณะที่เป้าหมายรายได้ 26,000 ล้านบาท มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 35 โครงการ แยกเป็นโครงการแนวราบ 30 โครงการ และโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท และกำหนดงบประมาณการจัดซื้อที่ดินประมาณ 9,000 ล้านบาท
ชู 5 กลยุทธ์…สู่ SUSTAINABLE GROWTH 2018
ในปีนี้จะได้เห็นการต่อยอดความสำเร็จของ SPALI จากปีที่ผ่านมาสู่ SUSTAINABLE GROWTH 2018 และเตรียมพัฒนาสิ่งใหม่ๆ ในหลากหลายด้านเพื่อปรับตัวทำตลาดให้โดนใจลูกค้า พร้อมก้าวเข้าสู่อสังหาฯ ยุค 4.0 รับมือกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ในหลายๆด้าน ดังนี้ 1).ด้านแผนการเปิดตัวโครงการ จะมีการเปิดตัวบิ๊กโปรเจค ครั้งแรกในรูปแบบมิกซ์ยูส บนที่ดินสถานทูตออสเตรเลีย (เดิม) เนื้อที่ 7 ไร่กว่า ถนนสาทร(อนึ่ง ศุภาลัย ชนะการประมูลเมื่อเดือนกันยายน 2560 มูลค่าที่ดิน 4,600 กว่าล้านบาท หรือคิดเป็นตารางวาละ 1.45 ล้านบาท) มูลค่าโครงการรวม 18,000-20,000 ล้านบาท พัฒนาภายใต้ชื่อ “ศุภาลัย ไอคอน” ประกอบไปด้วย คอนโดมิเนียม ,ออฟฟิศเกรดเอ ,เซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์ และศูนย์การค้า ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการในรายละเอียดต่างๆคาดเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/ 2561
“คอนโดฯที่ทำออกมาราคาสู้คู่แข่งที่อยู่ในย่านเดียวกันได้แน่นอน” กรรมการผู้จัดการของ SPALI กล่าว ทั้งนี้ระดับราคาขายห้องชุดบนถนนสาทรเฉลี่ย 200,000-300,000 บาท และการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ครั้งนี้ของ SPALI นับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของบริษัทฯ กับการยกระดับสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายระดับบน และต่อยอดรายได้สู่ธุรกิจอื่นๆที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) ช่วยสนับสนุนการเติบโตในระยะยาว โครงการนี้ SPALI มีแผนร่วมทุนกับพันธมิตรต่างชาติในรูปแบบ JV (Joint Venture)ในบางส่วนธุรกิจ
อย่างไรก็ตาม แม้ผู้บริหารของศุภาลัยจะยืนยันว่า ด้วยศักยภาพของบริษัทสามารถที่จะลงทุนเองได้แบบสบายๆ แต่หากพิจารณาอีกมุม การที่มี JV กับพันธมิตรในโครงการที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ นอกจากจะช่วยลดแรงกดดันฐานะทางการเงินของบริษัทแล้ว ยังสามารถเสริมภาพลักษณ์โครงการให้ดียิ่งขึ้นๆไปจากการผสมผสานความเชี่ยวชาญในธุรกิจใหม่ๆ
…และโครงการ “ศุภาลัย ไอคอน” ที่ผู้บริหารของศุภาลัยต้องการที่จะสร้างให้เป็นอีกหนึ่ง Landmark ใหม่บนถนนสาทรแล้ว การทำโครงการมิกซ์ยูส นี้ยังถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญของSPALI ที่จะก้าวขึ้นมาเล่นในตลาดบนพร้อมกระจายสู่ฐานรายได้ธุรกิจใหม่ๆด้วย
นอกจากนี้ SPALI ยังมีการขยายโครงการสู่ตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น โดยจะเริ่มบุกตลาดอสังหาฯ ในจังหวัดเชียงราย ขณะเดียวกันยังมุ่งเน้นขยายตลาดต่างประเทศ เช่นการร่วมลงทุนกับบริษัทอสังหาฯ ของประเทศออสเตรเลีย ซึ่งปัจจุบันมีการลงทุนไปแล้ว 6 โครงการ และกำลังศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในประเทศอาเซียนต่างๆ
2).ด้านสินค้าและผลิตภัณฑ์ มีการปรับโฉม พัฒนาแบบบ้านรูปแบบใหม่ ภายใต้แบรนด์ใหม่ ที่พัฒนาขึ้นมาให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยในยุคดิจิทัล และยังมีการนำนวัตกรรม เทคโนโลยี เข้ามาปรับใช้ในโครงการใหม่ๆของบริษัทฯ เช่น ระบบ Home automation, Home security เป็นต้น รวมทั้งมีการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้เอื้ออำนวยความสะดวกสบายแก่ผู้สูงอายุมากขึ้น
3).ด้านระบบการทำงานที่นำระบบ SAP มาใช้ และกำลังพัฒนางานด้านคอนสตรัคชั่น เพื่อลดระยะเวลาการทำงาน รวมถึงการเชื่อมต่อกันกับทางธนาคารเพื่อให้การบริการต่อลูกค้าดีขึ้น ส่วนด้านกิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขาย สานต่อการใช้สื่อออนไลน์อย่างเข้มข้น
4).ขยายฐานสู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายใหม่ๆ เพื่อเพิ่มวอลุ่ม/เพิ่มโลเคชั่นไปยัง Segment อื่นๆเช่น การพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบจะเข้าสู่เมืองมากขึ้น เพิ่มความหลากหลายของแบรนด์ มีการพัฒนาบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมใกล้เมืองมากขึ้น รวมถึงขยายตลาดบ้านระดับราคา 7-10 ล้านบาทเพิ่ม ส่วนตลาดคอนโดมิเนียม เน้นทำกลางเมืองอยู่แล้ว รวมทั้งเปิดขายสินค้าคอนโดมิเนียมในประเทศไทย ออกสู่ตลาดโลกมากขึ้นด้วย
และ5).ในด้านเทคโนโลยี (Property Technologies) บริษัทฯได้ให้ความสำคัญมาตลอดและเทคโนโลยีที่นำมาใส่ในโครงการลูกค้าจะต้องใช้ได้จริงและเกิดประโยชน์
นั่นเป็น 5 กลยุทธ์หลักสู่เป้าหมายการเติบโตของ SPALI ที่ “ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม” บอกว่า ในแต่ละปีจะนำเอาโครงการที่มีอยู่ทั้งที่เปิดตัวไปแล้วและอยู่ในแผนมาเรียงกันและมองไปข้างหน้า 2-3 ปีว่าที่มีอยู่รองรับการเติบโตได้หรือไม่ หากคำตอบที่ได้แล้วว่า “ไม่” ก็ต้องหาสิ่งอื่นๆมาเติมเต็ม ให้มีอัตราการเติบโตสม่ำเสมออย่างน้อย SPALI จะเป็นการเติบโตปีละ 15-20%
ข้อมูลสำคัญของ ศุภาลัย ปี 2561
- มูลค่าโครงการที่เปิดรวม 40,000 ล้านบาท จำนวน 35 โครงการ /เป็นคอนโดฯ 46 % จำนวน 5 โครงการ /เป็นแนวราบ(ต่างจังหวัด) 22 % จำนวน 13 โครงการ/เป็นแนวราบ(กทม) 32% จำนวน 17โครงการ
- เป้ายอดขาย 33,000 ล้านบาท
- เป้ารายได้ 26,000 ล้านบาท
- เป้าซื้อที่ดิน 9,000 ล้านบาท
- ยอดขายรอรับรู้รายได้ (ณ มกราคม 2561) 39,881 ล้านบาท