มั่นคงเคหะการฯมั่นใจตลาดคอนโดฯระดับลักชัวรี่ไฮเอนด์ยังมีดีมานด์ ผู้ประกอบการยังแข่งเดือด เน้นสร้างจุดขายตอบโจทย์ลูกค้า ล่าสุดปรับปรุงสนามกอล์ฟและรีแบรนด์ใหม่เป็น “ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ คันทรี่  คลับ”หวังสร้างความชัดเจนสินค้าแต่ละเซกเมนต์ ระบุยังไม่มีนโยบายร่วมทุนแต่ไม่ปิดกั้น ด้าน”พาร์ค คอร์ท (Park Court)” สุขุมวิท 77 ยอดขายพุ่งแล้ว 20% ด้านอพาร์ตเมนต์ ต่างชาติเข้าพัก 30% ตั้งเป้ายอดขายปีนี้แตะ 3,500 ล้านบาท

 

 

นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จากัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์ระดับลักชัวรี่ไฮเอนด์ว่า  โดยรวมมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น จากปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ส่งผลให้ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์ระดับลักซ์ชัวรี่ไฮเอนด์มากขึ้น เพราะยังมีกำลังซื้ออยู่มากทั้งกลุ่มผู้ซื้ออยู่อาศัยจริงและกลุ่มนักลงทุน โดยส่วนใหญ่จะเป็นโครงการในแบบมิกซ์ยูส (Mixed-use) ที่เป็นการพัฒนาคอนโดมิเนียมตลาดบนควบคู่ไปกับอาคารสำนักงานให้เช่าและพื้นที่เชิงพาณิชย์ แต่ละโครงการจะสร้างจุดขายที่แตกต่างในเรื่องของรูปแบบโครงการ เทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย และนวัตกรรมในการก่อสร้าง ทำเลหลักจะยังคงเป็นสุขุมวิท สาทร และริมแม่น้าเจ้าพระยา ทั้งนี้ ในด้านราคาเชื่อว่าจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเพราะที่ดินที่จะนำมาพัฒนาโครงการใหม่มีน้อยลงมาก การตัดสินใจซื้อในปีนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่สุดปีหนึ่งของผู้ที่กำลังมองหาคอนโดมิเนียมระดับบน

 

สำหรับแผนการดำเนินการของบริษัทในปีนี้ยังเน้นโครงการแนวราบเป็นหลัก ซึ่งจะมีการเปิดตัวใหม่ประมาณ 7 โครงการ ประกอบด้วย  บ้านเดี่ยว 5 โครงการ ใช้พื้นที่ประมาณ 50 ไร่ ราคาประมาณ 4-6 ล้านบาท  และทาวน์โฮม 2 โครงการ ใช้พื้นที่ประมาณ 20-40 ไร่ ราคา 2.8 ล้านบาทขึ้นไป รวมมูลค่าโครงการประมาณ 4,720 ล้านบาท โดยเน้นพัฒนาโครงการในทำเลใกล้เคียงกับโครงการเดิมในปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่อยู่โซนตะวันตกและโซนเหนือของกทม. ซึ่งทุกโครงการจะทยอยเปิดตัวในช่วงไตรมาส3 และ 4 ปีนี้

 

โดยหลังจากที่บริษัทฯได้ทำการรีแบรนด์สินค้าใหม่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีลูกค้าที่เป็นคนรุ่นใหม่มากขึ้น เนื่องจากมีการออกแบบสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้า ขณะเดียวกันก็ยังสามารถต่อยอดจากฐานลูกค้าเดิมได้ด้วยเช่นกัน ส่วนเทคโนโลยีสมัยใหม่คงมีการนำเสนอลูกค้าอย่างต่อเนื่องเช่นกัน เพื่อให้เข้ากับเทรนด์ในปัจจุบัน

 

อีกทั้งในปีนี้ยังได้มีการปรับปรุงคลับเฮาส์สนามกอล์ฟ “ฟลอร่า วิลล์ ชวนชื่น กอล์ฟ คลับ”ขนาด 18 หลุม และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ คันทรี่  คลับ”เพื่อสร้างความชัดเจนในการพัฒนาสินค้าในแต่ละเซกเมนต์ด้วย

 

นอกจากนี้ยังมีแผนที่เพิ่มธุรกิจบริการด้านการบริหารจัดการอาคารและที่พักอาศัยซึ่งดำเนินการโดย บริษัท ยัวร์ส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด โดยในปี 2561นี้มีแผนที่จะขยายธุรกิจบริการเพิ่มอีก 8 โครงการ ซึ่งเป็นการบริหารโครงการของ MK จำนวน 4 โครงการ และโครงการจากผู้ประกอบการรายอื่นอีก 4 โครงการ ซึ่งยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ โดยปัจจุบันมีโครงการที่บริหารอยู่แล้ว 15 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการของMK 11 โครงการ และที่เหลืออีก 4 โครงการ เป็นการบริหารให้กับผู้ประกอบการรายอื่นๆ

 

และธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring income) ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เป็นผู้พัฒนาและบริหารโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน คลังสินค้าและโรงงานเพื่อเช่า ย่านบางนา-ตราด กม.19 โดยในปีนี้ได้ใช้งบอีก 1,000 ล้านบาท ที่จะสร้างโรงงานเพิ่มมากขึ้นเพื่อสร้างรายได้ระยะยาวให้กับบริษัทต่อไป

 

ส่วนเทรนด์การร่วมทุนกับพันธมิตรรายใหญ่ในประเทศหรือต่างประเทศในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทนั้น ขณะนี้ยังไม่มีความสนใจแต่อย่างใด แต่หากมีพันธมิตรรายใดสนใจที่จะเข้ามาร่วมทุนทางMK ก็ไม่ปิดกั้นแต่อย่างใด เพราะมองว่าเป็นเทรนด์ที่ช่วยให้แต่ละบริษัทฯมีอัตราการเติบโตได้ดี

 

สำหรับความคืบหน้าโครงการ “พาร์ค คอร์ท” (Park Court) สุขุมวิท 77โครงการคอนโดมิเนียมและอพาร์ทเมนต์ระดับลักซ์ชัวรี่ไฮเอนด์ มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท  ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ 7.8 ไร่ จำนวน 5 อาคาร สูง 7 ชั้น โดย 2 อาคารแบ่งพัฒนาเป็นคอนโดฯ จำนวน 28 ยูนิต ขนาดตั้งแต่ 285-287 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 44.7-48.2 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยที่ 160,000 ล้านบาท/ตารางเมตร ซึ่งได้มอบหมายให้บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นผู้บริหารงานขาย ซึ่งได้เริ่มเปิดพรีเซลไปเมื่อไตรมาส4/2560 ที่ผ่านมา ขณะนี้มียอดขายแล้ว 6 ยูนิต หรือประมาณ 20% คาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ประมาณต้นปี 2562

 

ส่วนอีก 3 อาคาร เป็นอพาร์ตเมนต์ จำนวน 42 ยูนิต ราคาเช่าอยู่ที่ประมาณ 120,000-150,000 บาท/เดือน บริหารโดย บริษัท ยัวร์ส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด ขณะนี้มีผู้เช่าแล้วประมาณ 30% โดยเป็นชาวต่างชาติ 90% ที่เหลือเป็นกลุ่มลูกครึ่งต่างชาติที่เป็นคนรุ่นใหม่ โดยแบ่งเป็นชาวเอเชีย 50% และยุโรป 50% คาดว่าจะมีผู้เข้าเช่าเต็มทั้ง 42 ยูนิตภายในต้นปี 2562 นี้

 

 

“ปัจจุบันเทรนด์มิกซ์ยูสกำลังมาแรง ซึ่งบริษัทก็สนใจเช่นกัน เพราะสามารถพัฒนาได้หลากหลายรูปแบบ และที่ตั้งทำเลพาร์ค คอร์ท สุขุมวิท77 ก็เป็นประหนึ่งมิกซ์ยูสเช่นกัน ซึ่งมองว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ในอาคารเดียวกัน แต่สามารถอยู่ในบริเวณพื้นที่ติดกันได้ ก็สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้เช่นกัน”นางสาวดุษฎี กล่าว

 

อย่างไรก็ตามปัจจุบันบริษัทฯมีBacklog เพียงจำนวน 300 ล้านบาทเท่านี้น และจะรับรู้ในปีนี้ทั้งหมด และตั้งเป้ายอดขายปี2561 ไว้ที่ 3,500 ล้านบาท