แม้ล่วงเข้าสู่ช่วงกลางเดือนที่สอง(ก.พ.)ของปี 2561 แต่ยังอยู่ในช่วงประกาศแผนการดำเนินธุรกิจของเหล่าบรรดาบริษัทอสังหาริมทรัพย์ วันนี้ Prop2morrow.com ได้รวบรวมแผนลงทุนการเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2561 ของ 8 แบรนด์บิ๊กอสังหาริมทรัพย์ พบประกาศเปิดตัวโครงการใหม่ประมาณ 260 โครงการโครงการ รวมมูลค่า 343,500 ล้านบาท ได้แก่

บมจ.บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH  มีแผนเปิดตัว 75 โครงการใหม่รวมมูลค่า 66,700 ล้านบาท

บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ หรือ LH มีแผนเปิดตัว 18 โครงการใหม่รวมมูลค่า 36,000 ล้านบาท

บมจ.ศุภาลัย หรือ SPALI มีแผนเปิดตัว 35 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 40,000 ล้านบาท

บมจ.เอพี (ไทยแลนด์)หรือAP  มีแผนเปิดตัว 34 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 49,000 ล้านบาท

บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI มีแผนเปิดตัว 31 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 63,200 ล้านบาท

บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI มีแผนเปิดตัว 14 โครงการใหม่ รวมมูลค่า 30,000 ล้านบาท

บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น  หรือSC มีแผนเปิดตัว 19 โครงการใหม่ รวมมูลค่ากว่า 19,000 ล้านบาท

บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ โกลเด้นแลนด์ หรือ GOLD มีแผนเปิดตัวใหม่ 34 โครงการรวมมูลค่า 39,600 ล้านบาท

 

ส่วนเป้ายอดขายรวมของบริษัทอสังหาฯทั้ง 8 รายนั้นอยู่ที่ 261,800 ล้านบาท และตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้รวมทั้งสิ้น 221,100 ล้านบาท ดังนี้

บมจ.บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 53,700 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 50,500 ล้านบาท

บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ หรือ LH ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 31,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 36,700 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • รายได้จาการขายอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 33,000 ล้านบาท
  • รายได้จากธุรกิจอสังหาฯเพื่อเช่าประมาณ 3,700 ล้านบาท

บมจ.ศุภาลัย หรือ SPALI ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 33,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 26,000 ล้านบาท

บมจ.เอพี (ไทยแลนด์)หรือ AP ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 35,500 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 28,100 ล้านบาท

บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 45,000 ล้านบาทและตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 30,000 ล้านบาท

บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 20,000 ล้านบาทและตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท

บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น  หรือSC ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 17,000 ล้านบาทและตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 17,000 ล้านบาท

บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ โกลเด้นแลนด์ หรือ GOLD ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 26,600 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ที่ 17,800 ล้านบาท แบ่งเป็น

  • รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 16,100 ล้านบาท
  • รายได้จากอสังหาฯเพื่อเช่า อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท

 

จากข้อมูลข้างต้นแม้จะเป็นเพียง 8 บริษัทอสังหาฯแต่ก็พอสะท้อนภาพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้ได้ ตลาดนั้นเป็นเรื่องของผู้เล่นรายใหญ่ ดั่งที่ “ประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต” นายกสมาคมอาคารชุดไทย บอกว่าตลาดอสังหาฯได้กลายเป็นของผู้เล่นรายใหญ่ ตัวอย่างเช่น ตลาดคอนโดมิเนียมเมื่อ 5 ปีก่อน 61% ตลาดเป็นของรายกลาง รายเล็ก แต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนของรายกลาง-รายเล็กมีอยู่เพียง 28 % ที่เหลือ 72% ตลาดได้กลายมาเป็นของผู้เล่นรายใหญ่ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงมากรายเล็กเข้าไม่ได้อีกทั้งยังเผชิญกับแบงก์ไม่ปล่อยกู้ เป็นต้น

 

ตลาดปรับฐานรับดีมานด์หน้าใหม่ หากพิจารณาถึงทำเลที่ผู้ประกอบการเฮโลไปเปิดนั้นคือ 3 จังหวัดในเขตุพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor: EEC) คือ จังหวัดฉะเชิงเทรา,ชลบุรี และจังหวัดระยอง ที่ล่าสุดสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ… แล้วอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2561ที่ผ่านมา ภาครัฐบาลเองก็โถมเม็ดเงินลงทุนผ่านโปรเจกต์ต่างๆมากมาย โดยเบื้องต้น ภายใต้กรอบการลงทุนรวมของภาครัฐและเอกชน วงเงิน 1.5 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 5 ปี (พ.ศ.2560-2564)

 

โดยหากมองถึงการลงทุนภาคเอกชนในแถบพื้นที่ EEC ตามที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่านักลงทุนต่างชาตินับได้ว่าเป็นผู้เล่นสำคัญ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ที่ถูกจัดอยู่ในอุตสาหกรรม First S Curve ดังนั้น ในระยะสั้น-กลาง ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่เพิ่มขึ้นมีส่วนช่วยให้ทิศทางการลงทุนจากต่างประเทศในพื้นที่ EEC เร่งตัวขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมดั้งเดิมที่มีศักยภาพในการต่อยอด (First S-Curve) ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์สมัยใหม่ อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และการท่องเที่ยวเชิงคุณภาพและสุขภาพ ซึ่งอาจส่งผลดีต่อมูลค่าการขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากต่างประเทศโดยรวมให้ขยายตัวขึ้นจากราว 283,000 ล้านบาทต่อปีในปี 2560 ไปเป็น 400,000 ล้านบาทภายในปี 256

 

จากนโยบายของภาครัฐบวกกับการคาดการณ์เม็ดเงินลงทุนที่จะขอรับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ขยายตัวจาก 283,000 ล้านบาทเป็น 400,000 ล้านบาทในปี 2565 นั้นล้วนเอื้อประโยชน์ให้กับภาคธุรกิจอสังหาฯทั้งทางตรงและทางอ้อม

 

นอกจากนี้ยังมี ทำเลทองตามแนวรถไฟฟ้า 5 เส้นทางใหม่ๆ อาทิ สายสีเขียวเหนือ (หมอชิต-คูคต)สายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย (หัวลำโพง-ท่าพระ-บางแค) สายสีส้ม(ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี)สายสีเหลือง(ลาดพร้าว-สำโรง)และรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) กล่าวได้ว่า การลงทุนในระบบ Mass Transit ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความสะดวกสบายและเพิ่มความหลากหลายในการเดินทางแล้ว รัฐบาลเองยังมีนโยบายเพิ่มโบนัสให้กับผู้ประกอบการที่พัฒนาโครงการอสังหาฯรอบสถานีรถไฟฟ้าด้วย ปัจจัยหนุนดังกล่าวจะเป็นตัวเร่งที่ดีที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะแข่งกันเปิดโครงการ

 

“ผมว่าตลาดอสังหาฯกำลังปรับฐานสู่กลุ่มดีมานด์ใหม่ๆ”… “นพร สุทรจิตต์เจริญ” ประธานกรรมการบริหาและประธานกรรมการบริหาร บมจ.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ กล่าว พร้อมให้ความเห็นด้วยว่า นอกจากการลงทุนของภาครัฐผ่านเมกะโปรเจกต์ต่างๆจะเป็นตัวที่ช่วยเปิดพื้นที่ใหม่ในการพัฒนา และเกิดดีมานด์ใหม่ๆในตลาดแล้ว การพัฒนาโครงการที่เกิดจากการร่วมทุนกับดีเวลลอปเปอร์ต่างชาติ ก็เป็นอีกหนึ่งที่ผลักดันให้เกิดจุดเปลี่ยนกับธุรกิจที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง แบรนด์ แวลู ที่เพิ่มขึ้น การทำการตลาดทั้งในประเทศและการตลาดในต่างประเทศ ที่เจาะฐานลูกค้าของพันธมิตรทั้งจาก จีน ญี่ปุ่น เป็นต้น  แลนด์แอนด์เฮ้าส์ เองก็มองเห็นจุดเปลี่ยนตรงนี้ และอยู่ระหว่างการพัฒนาหรือดีไซน์โครงการเพื่อรองรับดีมานด์ใหม่กลุ่มนี้ในโปรดักส์คอนโดเพื่อกลุ่มลูกค้าชาวจีน

 

ทั้งนี้หากพิจารณาถึงการประกาศแผนธุรกิจของบิ๊กแบรนด์อสังหาฯ จะเห็นว่าหลายๆค่ายได้ปรับกระบวนทัศน์ใหม่ในการทำการตลาด การพัฒนาโครงการให้สอดคล้องกับยุคสมัยไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในปัจจุบัน พร้อมกับมีการปรับแบบโครงการ ทำเล เลย์เอ้าท์ห้อง และพื้นที่ส่วนกลาง รวมถึงมีการเติมเต็มธุรกิจด้วยการพัฒนา Property Tech ให้เกิดเป็นรูปธรรม หวังเป็นนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัย ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยนั้นดีขึ้น ใช้ชีวิตได้ง่ายขึ้นแล้ว ยังถือว่าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงตัวตน ภาพลักษณ์ทั้งของผู้ซื้อ ผู้อยู่อาศัย รวมถึงแสดงถึงความเป็นผู้นำเทรนด์ของผู้ประกอบการเจ้าของโครงการ ซึ่งเชื่อว่าตลอดปี 2561นี้จะเห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นที่ดีเวลลอปเปอร์จะนำเอากลยุทธ์ต่างๆเหล่านี้มาผ่าทางตันธุรกิจ