จงเทียนฯสนองนโยบายรัฐบาลจีนขยายฐานลงทุนทั่วโลก ล่าสุดผนึกกำลังกลุ่มฟ้ารุ่งเสริม ตั้งบริษัทร่วมทุนระยะยาว 30 ปี รับงานภาครัฐ-เอกชน โดยเฉพาะพื้นที่EEC และขยายฐานไปตลาดAEC คาดปีแรกมีงานในมือ 2-3 โครงการ มูลค่า 2,500 ล้านบาท อนาคตสนนำที่ดินสะสม “เดช นำศิริกุล”แตกไลน์พัฒนาอสังหาฯเพื่อขาย

 

 

มิสเตอร์หลี่ อวี้ จง กรรมการผู้จัดการ บริษัท จงเทียน โอเวอร์ซีส์ เอ็นจิเนียริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด  ผู้บริหารระดับสูงของ จงเทียน คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปี ในฐานะผู้นำด้านธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศจีน และในช่วงปี2556ได้มีการขยายฐานธุรกิจไปยังต่างประเทศมากขึ้น ตั้งแต่ทวีปแอฟริกา ตะวันออกกลาง เอเชียใต้(มีศูนย์กลางอยู่ที่ศรีลังกาและมัลดีฟส์) และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้(มีศูนย์กลางอยู่ที่ประเทศไทยเพื่อขยายฐานต่อไปยังมาเลเซีย กัมพูชา และประเทศอื่นๆในภูมิภาค) ซึ่งการลงทุนในต่างประเทศนั้นบริษัทฯจะมีผลกำไรปีละประมาณ 10,000 ล้านหยวน คิดเป็น 10% ของผลกำไรรวมทั้งหมดที่สามารถทำได้ปีละประมาณ 100,000 ล้านหยวน

 

อีกทั้งจากการที่รัฐบาลจีนมีนโยบายในการจัดทำโครงการ“เส้นทางสายเศรษฐกิจ” หรือ“วันเบลต์ วันโรด”ที่ต้องการสร้างความเชื่อมโยงของจีนกับอีก 65 ประเทศทั่วโลก ครอบคลุมจำนวนประชากรประมาณ 4,500 ล้านคนมีจีดีพีรวมกันกว่า23ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯนั้น บริษัทฯจึงได้ขยายฐานการลงทุนออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะการสร้างบ้านสวัสดิให้กับข้าราชการในประเทศนั้นๆ ซึ่งที่ผ่านมาได้เริ่มเข้าไปดำเนินการสร้างบ้านสวัสดิการให้ข้าราชการในเมืองปีนัง ประเทศมาเลเซียแล้ว  รวมไปถึงการลงทุนในประเทศกัมพูชาด้วย

 

สำหรับในประเทศไทยเองที่ผ่านมาก็ได้มีการร่วมทุนกับผู้ประกอบการไทยในการรับงานรับเหมาก่อสร้างโครงการต่างๆของภาครัฐและเอกชนในรูปแบบโครงการต่อโครงการ เช่น การร่วมทุนกับบริษัท เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)หรือ JSP พัฒนาโครงการระดับเมกะโปรเจกต์ ในรูปแบบมิกซ์ยูส บนพื้นที่กว่า 160 ไร่ ที่บางเสร่ จ.ชลบุรี มูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท เป็นต้น

 

และจากการที่รัฐบาลไทยให้การสนับสนุนโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(Eastern Economic Corridor : EEC) ส่งผลให้มีนักลงทุนจากต่างชาติเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงนักลงทุนจีนที่บริษัทฯมีสายสัมพันธ์ด้วยเป็นจำนวนมาก  ล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2560 ที่ผ่นมาได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับ บริษัท รุ่งฟ้าเสริม คอร์ปอเรชั่น จำกัด  ด้วยการตั้งบริษัท จงเทียน โอเวอร์ซีส์ เอ็นจิเนียริ่ง(ประเทศไทย)จำกัด ขึ้นมาด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท (ชำระเต็ม) โดยกลุ่มรุ่งฟ้าเสริมฯถือหุ้นสัดส่วน 51% และกลุ่มจงเทียนฯถือหุ้นสัดส่วน 49% เพื่อรับเหมางานก่อสร้างทั้งในและต่างประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งเป้าหมายธุรกิจในสิ้นปีนี้ จะมีรายได้อยู่ในระดับ 2,500 ล้านบาท และตั้งเป้าภายในปี2564 จะมียอดรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 5,000 – 10,000 ล้านบาท

 

ซึ่งการร่วมทุนในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะได้นำเอาความแข็งแกร่งของจงเทียน  ที่โดดเด่นด้วยผลงานที่หลากหลาย รวมถึงองค์ความรู้และเทคโนโลยี การก่อสร้างใหม่ๆ ที่จะช่วยยกระดับงานด้านวิศวกรรมก่อสร้างในประเทศไทย ให้คนไทยได้ใช้เทคนิคการก่อสร้างและเทคโนโลยีต่างๆ ซึ่งจะเริ่มนำเข้ามาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย อาทิ เทคนิคการวางแผนการก่อสร้างด้วยระบบคอมพิวเตอร์ให้ครอบคลุมทุกกระบวนการ ทั้งการกำหนดปรับเพิ่มประสิทธิภาพคน การใช้วัสดุและการควบคุมการต่อเนื่องของการก่อสร้าง ซึ่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการสูญเสียในการก่อสร้าง เป็นต้น

 

 

ด้านนายสุวรรณ ไพศาลเฟื่องฟุ้ง ประธานกลุ่มบริษัท รุ่งฟ้าเสริม คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า  ที่ผ่านมาบริษัทดำเนินธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมาเป็นระยะเวลาเกือบ 40 ปี พัฒนางานวิศวกรรม  รวมถึงงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ให้กับภาครัฐและองค์กรเอกชนมาแล้ว ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม และหลายประเทศในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) และด้วยภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มปรับตัวไปในทางที่ดีขึ้น รวมถึงด้วยศักยภาพการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในอาเซียนโดยเฉพาะใน AEC  และในประเทศไทย มีแนวโน้มเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน  อีกทั้งยังมีความเป็นรูปธรรมในการลงทุนของภาครัฐ และโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) ที่เห็นความชัดเจนมากขึ้น  แต่ด้วยความที่ยังเป็นบริษัทขนาดเล็ก จึงสามารถขยายฐานธุรกิจได้มาก

 

ทำให้บริษัทเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจและด้วยความต้องการให้คนในองค์กรของกลุ่มรุ่งฟ้าเสริมฯ และในประเทศไทยได้มีเวทีที่สามารถพัฒนาศักยภาพและเพิ่มทักษะในอุตสาหกรรมก่อสร้างให้ทัดเทียมกับอารยะประเทศ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่ได้ให้ความไว้วางใจมายาวนาน กอปรกับเห็นว่า          กลุ่มยักษ์ใหญ่แห่งวงการก่อสร้างจีนอย่าง จงเทียน คอนสตรัคชั่น กรุ๊ป มีความเป็นมืออาชีพ เป็นผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมการก่อสร้างของจีน โดยเฉพาะความแข็งแกร่งทางด้านเทคโนโลยี มีระบบงาน และผลงานในระดับสากลทุกด้าน และเมื่อกว่า 3ปีมาแล้วได้ร่วมทำธุรกิจร่วมทุนในรูปแบบ Joint venture เพื่อสร้างอาคารโครงการสำเพ็ง 2 และคอนโดมิเนียม “J-Condo” รวมไปถึงโครงการในกัมพูชา 2 โครงการ มีมูลค่าโครงการรวม 3,200 ล้านบาท ก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี

 

และด้วยระบบงานที่ไปด้วยกันได้ดี             จึงได้ร่วมกันเปิดตัว บริษัท จงเทียน โอเวอร์ซีส์  เอ็นจิเนียริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้นมา โดยเน้นงานรับเหมาก่อสร้างโครงการในรูปแบบต่างๆ ครอบคลุมทั้งอสังหาริมทรัพย์ ในย่านธุรกิจ ทั้งในกรุงเทพฯ                  และต่างจังหวัด รวมถึงสาธารณูปโภคของภาครั ฐและเอกชน โดยจะเป็นการร่วมทุนระยะยาวขั้นต่ำ 30 ปี โดบตั้งเป้าการรับงานรับเหมาก่อสร้างในปีแรกไว้ประมาณ 2-3 งาน ซึ่งมีทั้งโครงการภาครัฐและเอกชน คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท โดยเน้นการก่อสร้างอาคารสูงและโรงงานอุตสาหกรรม เป็นหลัก โดยในระยะเวลา 3 ปีแรกจะเน้นการรับงานจากภาคเอกเชน สัดส่วน 80% และงานจากภาครัฐ 20% แต่หลังจาก 3 ปีแล้วจะปรับลดงานภาคเอกชนเหลือ 60%  และงานภาครัฐที่  40%

 

“ที่ผ่านมาจงเทียนฯมีพันธมิตรในจีนเป็นจำนวนมาก และที่ผ่านมาได้มีหลากหลายอุตสาหกรรมย้ายฐานการผลิตมาอยู่ที่ประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่EEC ดังนั้นโอกาสที่จะได้รับงานรับเหมาก่อสร้างจะมีสูง ซึ่งโดยศักยภาพแล้วบริษัทร่วมทุนนี้สามารถรับงานก่อสร้างได้มูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านบาท แต่ในช่วง 1-2 ปีนี้ต้องขอเตรียมความพร้อมก่อน”นายสุวรรณ กล่าว

 

นายสุวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับงานแรกที่คาดว่าจะได้เข้าไปดำเนินการก่อสร้าง คือโครงการ อาร์ติซาน รัชดา ของกลุ่มBIGUIYUAN เพื่อพัฒนาเป็นคอนโดมิกซ์ยูส  ย่านพระราม9 มูลค่าค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ความคืบหน้าขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจา  คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในระยะเวลา 2 เดือนนี้

 

ด้านเม็ดเงินลงทุนนั้นบริษัทฯไม่มีความกังวลแต่อย่างใด เพราะกลุ่มจงเทียนฯนั้นมีสถาบันการเงินของตนเอง คือ  JINHUA BANK จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องนำบริษัทฯเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯเพื่อระดมทุนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตามหากมีจังหวะและโอกาสในการพัฒนาโครงการอสังหาฯเพื่อการขายเองบริษัทร่วมทุนดังกล่าวก็พร้อมที่จะดำเนินการ เนื่องจากนายเดช นำศิริกุล  อดีตที่ปรึกษาด้าน การเงินของธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ปัจจุบันเป็นคณะกรรมการบริษัทมีที่ดินสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งในอนาคตอาจจะมีการนำที่ดินของนายเดชขึ้นมาพัฒนาก็เป็นไปได้ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้