ต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 1/2561ที่ผ่านมาและแนวโน้มไตรมาส 2 ผู้ประกอบการมองแนวโน้มเติบโตได้ดีขึ้นต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน นั่นเป็นผลมาจากปัจจัยบวกหลายประการที่เข้มาหนุน อาทิ การลงทุนของภาครัฐในโครงการขนาดใหญ่ต่างๆนั้นมีความคืบหน้าเป็นลำดับ อัตราดอกเบี้ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำและถึงแม้ทิศทางของอัตราดอกเบี้ยจะปรับเพิ่มก็น่าจะเป็นเพิ่มในอัตราที่ช้า อีกทั้งผู้ประกอบการยังคงเชื่อว่ากำลังซื้อในธุรกิจอสังหาฯยังมีอยู่มาก ซึ่งเห็นได้ชัดเจนจากผลประกอบการด้านยอดขายของบริษัทอสังหาฯที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯทยอยประกาศออกมา

 

อาทิ บมจ. เอพี(ไทยแลนด์) หรือAP ในไตรมาส 1  ณ วันที่ 31 มีนาคม 2561สามารถสร้างยอดขายได้แล้วถึง 10,000 ล้านบาท จากไตรมาสเดียวกันของปี 2560 อยู่ที่ 3,737 ล้านบาท เติบโตถึง168% โดยสินค้าแนวราบเติบโตสูงถึง 64% หรือเท่ากับ 5,200ล้านบาท และคอนโดมิเนียมโตถึง 770% หรือเท่ากับ 4,800ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้แล้ว 30%ของเป้ายอดขาย  ปี 2561 ที่ตั้งไว้  33,500 ล้านบาท

 

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอพี (ไทยแลนด์) กล่าวว่าอัตราการเติบโตด้านยอดขายในไตรมาส 1 ของเอพี โดยเฉพาะสินค้าแนวราบที่ปรับตัวสูงขึ้นสะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้เป็นอย่างดี  และคาดว่าตลาดในไตรมาส 2 เชื่อว่าการแข่งขันจะเข้มข้นกว่าในไตรมาสผ่านมา ด้วยจำนวนโครงการใหม่ที่จะทยอยเปิดตัวมากขึ้น ที่อยู่อาศัยระดับกลางบนขึ้นไปยังคงได้รับการตอบรับที่ดี

 

โดยเอพีในไตรมาส 2/2561 เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ 3 โครงการรวมมูลค่าโครงการ 3,450 ล้านบาท ได้แก่ บ้านเดี่ยว 2 ทำเล “CENTRO รังสิต คลอง 4-วงแหวน”ราคาเริ่ม 2.95 ล้านบาท และ “CENTRO ราชพฤกษ์-สวนผัก” ราคาเริ่ม 7.2 ล้านบาท และทาวน์โฮม “บ้านกลางเมือง วัชรพล”

 

บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค หรือPF มียอดขายในไตรมาส 1/2561 อยู่ที่ 4,800 ล้านบาท   เพิ่มขึ้น 126% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี2560 ที่มียอดขายที่ 2,120 ล้านบาท  ยอดขายที่ทำได้เพิ่มขึ้นนั้น นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ ฯบอกว่าเป็นผลมาจากภาพรวมตลาดที่ดีขึ้น ประกอบกับในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมา มีผลประกอบการดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งจากบ้านเดี่ยว และคอนโดมิเนียม เช่น ไอคอนโดที่เปิด Pre sales แล้วสามารถทำ Sold out โครงการไอคอนโด สุขุมวิท 77 ส่งท้ายไตรมาส  โดยโครงการมียอดขายรวม 400 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท

 

ในไตรมาส 2 บริษัทยังมีแผนเดินหน้าสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในทุกเซกเมนต์ โครงการแนวราบมีแผนเปิดตัวแบบบ้านรุ่นใหม่ภายใต้แบรนด์ “เพอร์เฟค พาร์ค” ระดับราคา 3.5-5.5 ล้านบาท โดยทำการปรับฟังก์ชั่นภายในใหม่ให้เทียบเท่าบ้านรุ่นใหญ่ เพื่อรองรับกลุ่มที่ต้องการขยายครอบครัวมาเป็นบ้านเดี่ยว  ซึ่งช่วงที่ผ่านมากลุ่มนี้มีดีมานด์เพิ่มขึ้นชัดเจน นอกจากนี้ มีแผนเปิดตัวทาวน์เฮ้าส์ 2 ชั้น 2 โครงการใหม่ แบรนด์  “โมดิ วิลล่า” ทำเลราชพฤกษ์-ติวานนท์ และรังสิต ในราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท ที่จับกลุ่มครอบครัวรุ่นใหม่ ตลาดที่มีความต้องการอยู่เป็นจำนวนมาก และยังจะมีแบรนด์ใหม่ “เพอร์เฟค เรสซิเดนซ์” ใน 3 ทำเล ได้แก่ กรุงเทพกรีฑาตัดใหม่ สุขุมวิท 77 และ แจ้งวัฒนะ มูลค่าโครงการรวม 1,800 ล้านบาท จับกลุ่มระดับราคา 10-15 ล้านบาท ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้ออยู่ในระดับที่ดี

 

บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ ANAN ได้ตั้งเป้า เป้าหมายยอดขายไตรมาส1/2561อยู่ที่ 6,470 ล้านบาท เติบโต 46% จากไตรมาส 1 / 2560 ที่ได้ 4,436 ล้านบาท เติบโตเนื่องจากยอดขายของโครงการเก่าและโครงการใหม่ที่เปิดตัว

 

บมจ.ศุภาลัย  หรือ SPALI  ในไตรมาส1/2561 สามารถทำยอดขายได้ 7,561ล้านบาท เติบโต กว่า 10% เมื่อเทียบกับช่งเดียวกันของปีก่อน โดยยอดขายที่ทำได้นั้นมาจาก ดังนี้   1. ยอดขายโครงการแนวราบมีการเปิดตัว 6 โครงการมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท โดยได้รับการตอบรับจาก ลูกค้ายังดีต่อเนื่องและ เฉลี่ยยอดขายต่อโครงการก็ดีขึ้นจากปีก่อนหน้า และ 2. ยอดขายคอนโดมิเนียม ที่สามารถระบายสินค้าคงคลังดีขึ้น ทั้งจากต่างจังหวัด โซนรถไฟฟ้าสายสีม่วง และมีกลุ่มลูกค้าเพิ่มเติมจากตลาดต่างชาติ เช่น โครงการศุภาลัย โอเรียนทัล สุขุมวิท 39 เป็นต้น

 

บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น หรือSC ในไตรมาส 1/ 2561 สามารถทำยอดขายได้ 3,600 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2560 สามารถทำยอดขายได้ 3,400 ล้านบาท  ในภาพรวมถือว่าเติบโตจากปีที่แล้วประมาณ 7% สืบเนื่องจากในไตรมาส 1/2561 บริษัทฯ สามารถทำยอดขายได้ทะลุเป้า จากการเปิดขาย 2 โครงการ ได้แก่ เซ็นทริค รัชโยธิน และ เพฟ ฉะเชิงเทรา

 

ทั้งนี้ หากพิจารณาจากยอดขายของบริษัทอสังหาฯ ส่วนใหญ่ต่างก็คาดว่าปีนี้ผลประกอบการจะไปได้ดีมียอดขายที่เติบโต ส่วนใหญ่จะได้แรงหนุนจากยอดขายโครงการแนวราบ พร้อมกับคาดการณ์ว่าตลาดในช่วงไตรมาส2 นั้นมีจะได้รับแรงเหวี่ยงจากไตรมาสแรก แต่เชื่อว่าตลาดน่าจะมีการแข่งขันกันรุนแรงเพื่อระบายสินค้าที่มีอยู่ในมือ รวมถึงจัดแพ็กเกจแคมเปญเพื่อกระตุ้นการโอนของลูกค้า

 

**เป้ายอดขายรวมของบริษัทอสังหาฯ(บางส่วน)ในปี 2561

บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง หรือ PSH ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 53,700 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 50,500 ล้านบาท

บมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ หรือ LH ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 31,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 36,700 ล้านบาท แบ่งเป็น

–                      รายได้จาการขายอสังหาริมทรัพย์ประมาณ 33,000 ล้านบาท

–                       รายได้จากธุรกิจอสังหาฯเพื่อเช่าประมาณ 3,700 ล้านบาท

บมจ.ศุภาลัย หรือ SPALI ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 33,000 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 26,000 ล้านบาท

บมจ.เอพี (ไทยแลนด์)หรือ AP ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 35,500 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 28,100 ล้านบาท

บมจ.แสนสิริ หรือ SIRI ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 45,000 ล้านบาทและตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 30,000 ล้านบาท

บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ หรือ ORI ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 20,000 ล้านบาทและตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 15,000 ล้านบาท

บมจ. เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น  หรือSC ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 17,000 ล้านบาทและตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 17,000 ล้านบาท

บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ โกลเด้นแลนด์ หรือ GOLD ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 26,600 ล้านบาท และตั้งเป้ารายได้ที่ 17,800 ล้านบาท แบ่งเป็น

–                       รายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์อยู่ที่ 16,100 ล้านบาท

–                       รายได้จากอสังหาฯเพื่อเช่า อยู่ที่ 1,700 ล้านบาท

บมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ หรือ ANAN ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 35,100 ล้านบาท ตั้งเป้ามีรายได้(ยอดโอน) 38,000 ล้านบาท

 บมจ. พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค หรือPF  ตั้งเป้ายอดขาย(เฉพาะธุรกิจอสังหาฯ)ไว้ที่ 20,900 ล้านบาท

บมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ หรือ LPN ตั้งเป้ายอดขายรวมอยู่ที่ 20,000 ล้านบาท ขณะที่เป้ารายได้อยู่ที่ 12,000  ล้านบาท