สิงคโปร์ ถือเป็นประเทศหนึ่งในเอเชียที่มีราคาที่อยู่อาศัยปรับขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง และแพงกว่าประเทศไทยหลายเท่าตัว และในช่วงต้นเดือนกรกฎาคม ที่ผ่านมาประเทศสิงคโปร์ได้ขึ้นค่าอากรแสตมป์สำหรับการซื้อบ้านหลังที่ 2 ของคนสิงคโปร์จากเดิมอยู่ที่ 7% เป็น 12%  ส่วนที่อยู่อาศัยหลังที่ 3 ก็จะปรับขึ้นอีก 5% เป็น 15% เช่นกัน ขณะที่ชาวต่างชาติที่มาซื้อที่อยู่อาศัยในสิงคโปร์และภาคธุรกิจอื่นๆ ก็ปรับเพิ่มขึ้นจากเดิม 15%  จะต้องจ่ายภาษีเพิ่มเป็น 20% และ 25% ตามลำดับ ทั้งนี้เพื่อควบคุมการเก็งกำไร ซึ่งจะส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนจากสิงคโปร์หอบเม็ดเงินไปซื้ออสังหาฯต่างประเทศมากขึ้น ซึ่งประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในหลายๆประเทศที่อยู่ในลีสต์ของนักลงทุนสิงคโปร์

รัฐพลิกที่ดินสุสานเก่าผุดที่อยู่อาศัยรับดีมานด์

นายหว่อง ซี หวา ผู้จัดการทั่วไป โครงการวอเตอร์เวย์พ๊อยต์ ประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่า สิงคโปร์ เป็นเกาะขนาดเล็กมีประชากรประมาณ 5 ล้านกว่าคนเท่านั้น ราคาที่ดินจึงค่อนข้างแพง ซึ่งในช่วง 5 ปีนี้ (ปี2561-2565)ทางรัฐบาลสิงคโปร์ มีแผนที่จะขยายพื้นที่อยู่อาศัยใหม่ไปอยู่ที่โซนBidada Estate ซึ่งเป็นสุสานเดิม และนำมาพัฒนาเป็นพื้นที่เพื่อการอยู่อาศัย โดยชาวสิงคโปร์นั้นมีความเชื่อว่าหากอยู่อาศัยบนที่ดินที่เคยเป็นสุสานมาก่อนจะทำให้อยู่แล้วรวย ทั้งนี้แนวทางการพัฒนาของสิงคโปร์ถือเป็นเรื่องปกติที่การพัฒนาที่อยู่อาศัยจะกระจายจากในย่านใจกลางเมืองออกไปนอกเมือง ซึ่งจะทำให้เพียงพอต่อชาวสิงคโปร์ที่มีความต้องการซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง  แต่หากจะซื้อเพื่อลงทุนหรือเก็งกำไรก็อาจจะหันไปซื้อที่อยู่อาศัยในต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทย ที่เป็นแหล่งการลงทุนอันดับต้นๆของสิงคโปร์

 

มั่นใจไทยเป็นหนึ่งในทางเลือกการลงทุน

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กร และการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์)จำกัด(มหาชน)หรือAP ที่ผ่านมาชาวสิงคโปร์จะเข้ามาซื้ออสังหาฯในประเทศไทย เพื่อการลงทุนมากกว่าเพื่อการอยู่อาศัยจริง หรือไม่ก็ร่วมทุนกับพันธมิตรไทยในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม ซึ่งนักลงทุนชาวสิงคโปร์ล้วนมีศักยภาพและมองหาโอกาสที่จะลงทุนเพื่อการปล่อยเช่ากันเป็นจำนวนมาก เชื่อว่าการที่รัฐบาลสิงคโปร์มีการปรับเพิ่มภาษีก็จะยิ่งทำให้ชาวสิงคโปร์หันมาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้นอย่างแน่นอน

ผลตอบแทนการลงทุนดีซื้ออสังหาฯไทยแน่

นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท  จำกัด(มหาชน)หรือ S  กล่าวว่า หากมองในด้านการลงทุน พบว่าตั้งแต่ต้นปี2561 ที่ผ่านมา พบว่ามีชาวสิงคโปร์ที่ซื้ออสังหาฯเพื่อการลงทุนในประเทศไทยในจำนวนที่ลดลง เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร แต่ถ้าหามีการการรันตีผลตอบแทนการลงทุน(Yield) ที่ดี เชื่อว่านักลงทุนจากสิงคโปร์จะต้องกลับมาซื้ออสังหาฯไทยอย่างแน่นอน