พฤกษาฯเผยหลังผลประกอบการครึ่งปีแรกหดตัว เร่งปรับแผนครึ่งปีหลังภายใต้ 5 กลยุทธ์หลักหวังดันยอดตามเป้า  หันสร้างโครงการแล้วเสร็จก่อนเปิดขาย รุกตลาดคอนโดฯตามดีมานด์ ขยายเซกเมนต์ทาวน์เฮาส์-บ้านเดี่ยว  เพิ่มช่องทางขายใหม่ที่หลากหลาย ประกาศเตรียมนำ 2 โครงการ”เดอะทรี”โรดโชว์เซี่ยงไฮ้-ฮ่องกง ครั้งแรก หวังสร้างการรับรู้แบรนด์ลูกค้าต่างชาติ ด้านธุรกิจเฮลท์แคร์คาดนำร่องเปิดคลินิก “บ้านหมอวิมุต” ย่านรังสิต คลอง3 ปลายปีนี้

 

 

นางสุพัตรา เป้าเปี่ยมทรัพย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด(มหาชน)หรือ PSHเปิดเผยว่า จากผลประกอบการครึ่งปีแรก2561 ที่มีรายได้ลดลง ส่งผลให้ในครึ่งปีหลังบริษัทฯได้ปรับแผนภายใต้ 5กลยุทธ์หลัก ประกอบด้วย 1.ในครึ่งปีหลัง2561 จะมีรายได้จากการโอนคอนโดฯ 4 โครงการ มูลค่าประมาณ 12,000ล้านบาท 

 

2.ปรับพอร์ตธุรกิจและปรับปรุงคุณภาพโครงการ เช่นสร้างบ้านก่อนขายและสร้างคลับเฮาส์รวมไปถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆก่อนจะเปิดขาย ไม่ใช่รีบเปิดขายเหมือนเช่นที่ผ่านมา โดยในครึ่งปีหลังจะเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 42โครงการ มูลค่ารวม  41,500 ล้านบาท  ซึ่งปรับสัดส่วนคอนโดฯมากขึ้นให้สอดคล้องกับความต้องการตลาด โดยจะเปิดคอนโดฯกลุ่มพรีเมียม 3 โครงการ  มูลค่า 5,200 ล้านบาท และกลุ่มแวลู 7 โครงการ มูลค่า 12,300 ล้านบาทเป็นการเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ให้กับกลุ่มคอนโดมิเนียมของพฤกษาฯอีกด้วย เพื่อที่จะเป็นผู้นำในตลาดได้ในทุกประเภทโครงการ ซึ่งจะช่วยผลักดันให้สัดส่วนคอนโดฯของบริษัทฯเพิ่มขึ้นเป็น 40% ในสิ้นปีนี้ จากปัจจุบันอยู่ที่ 35% รวมไปถึงการใช้กลยุทธ์เปิดโครงการหลายประเภทในพื้นที่เดียว และเตรียมที่ดินเพื่อรองรับโครงการในอนาคตถึงปี2562ซึ่งในปีนี้ที่ตั้งงบซื้อที่ดินไว้ที่ 16,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการซื้อที่ดินจำนวน 70 แปลง โดยในครึ่งปีแรกได้ใช้ไปแล้ว 9,260 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินเข้ามาจำนวน 38 แปลง

 

3.เร่งการขายให้มากขึ้น ด้วยการเข้าถึงตลาดใหม่ๆโดยใช้โครงการเด่นๆ(Star Project) เพื่อผลักดันยอดขาย รวมไปถึงการสรรหาช่องทางการขายใหม่ๆ ได้แก่ ขายผ่านโบรกเกอร์ ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าคอนโดมิเนียมที่เป็นชาวต่างชาติได้มากยิ่งขึ้น  นอกจากนี้ยังเน้นช่องทางขาย B2B(Business-to-Business)ที่มอบส่วนลดพิเศษกับองค์กรกับพฤกษาฯ ปัจจุบันมีองค์กรพาร์ทเนอร์แล้วถึง 1,314 แห่ง (รวมบริษัทในเครือ) โดยในครึ่งปีแรกมียอดขายจากสองช่องทางใหม่คิดเป็นสัดส่วน 28% ของยอดขายทั้งหมด อีกทั้งยังมีช่องทางพฤกษา เมมเบอร์ และการนำฐานข้อมูลลูกค้าเก่าที่มีอยู่จำนวนมาก มาสร้างโอกาสการขายใหม่ ซึ่งบริษัทมีฐานข้อมูลเชิงลึกของลูกค้าขนาดใหญ่มากกว่า 1ล้านข้อมูล ซึ่งจะช่วยให้เข้าถึงลูกค้าต่างๆที่อยู่ไนฐานข้อมูลเพื่อผลักดันยอดขายได้ดียิ่งขึ้น

 

 

4.ปรับพอร์ตธุรกิจเต็มรูปแบบ โดยการรักษาความเป็นผู้นำตลาดทาวน์เฮาส์ ด้วยการใช้การตลาดรูปแบบใหม่ ซึ่งใช้กลยุทธ์การกระจายโครงการให้ครอบคลุม  และขยายไปยังตลาดระดับราคา 3-5 ล้านบาทเพิ่มมากขึ้น จากเดิมที่เน้นแต่ระดับราคา 2-5 ล้านบาท อีกทั้งขยายไปยังตลาดต่างจังหวัดที่มีความต้องการที่แท้จริง  และเร่งพัฒนาบ้านเดี่ยวโดยปรับปรุงสินค้าและคลับเฮาส์ ที่เดิมอยู่กลางโครงการมาอยู่ด้านหน้าโครงการ ซึ่งจะก่อสร้างให้แล้วเสร็จก่อนเปิดขาย รวมไปถึงกลยุทธ์บ้านพร้อมอยู่ และการก่อสร้างแบบPool Construction ที่จะขยายไปตลาดระดับราคา 5-7 ล้านบาทเพิ่มมากขึ้น

 

5.พยายามรักษาการควบคุมต้นทุนให้ดี โดยเร่งปิดโครงการที่ใกล้จะขายหมด จำนวน 30 โครงการ มูลค่า 311.3 ล้านบาท รวมไปถึงการใช้สื่อดิจิทัลที่มากขึ้น ด้วยการร่วมมือกับกลุ่มที่เชี่ยวชาญเรื่องบิ๊กดาต้า นำระบบมาใช้เพื่อเก็บฐานข้อมูลการเข้าดูแต่ละโครงการของลูกค้าที่เข้ามาชมเว็บไซต์ และสุดท้ายคือการรักษาประสิทธิภาพการบริหารจัดการที่ดี

 

ด้านความคืบหน้าของการลงทุนในธุรกิจเฮลท์แคร์นั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงพยาบาลวิมุต คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาส 3 ปี 2563 ซึ่งระหว่างนี้มีแผนเปิดคลินิก “บ้านหมอวิมุต” ซึ่งเป็นคลินิกที่เปิดให้บริการรักษาโรคทั่วไป รวมถึงให้คำปรึกษาด้านสุขภาพกับผู้อาศัยในชุมชน  เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ต่อยอดจากโรงพยาบาลวิมุต โดยจะเปิดโครงการนำร่องให้บริการที่แรกในย่านรังสิต คลอง 3 จ.ปทุมธานี ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งย่านรังสิตถือเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ และมีโครงการของพฤกษาอยู่เป็นจำนวนมาก และจะขยายไปยังชุมชนอื่นต่อไปในอนาคต

 

 

“หลังจากที่ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี 2561 มีรายได้ลดลง 6.1% จากครึ่งปีแรกของปี 2560 ซึ่งรายได้ไนครึ่งปีแรก2561 อยู่ที่ 19,282 ล้านบาท ทำให้บริษัทปรับลดเป้าหมายรายได้ไนปีนี้ลดลงเป็น 47,000 ล้านบาท จากเป้าหมายเดิมที่ 50,500 ล้านบาท แต่ยังคงเป้าหมายยอดขายในปีนี้ที่ 53,700 ล้านบาท  โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ในครึ่งปีแรกอยู่ที่ 32,100ล้านบาท จะรับรู้ในครึ่งปีหลัง 13,200 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปถึงปี 2564 และเชื่อว่าแนวโน้มยอดขายและรายได้ในครึ่งปีหลังคาดว่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรกและการเติบโตของยอดขายและรายได้จะพลิกกลับมาเป็นบวกได้ จากครึ่งปีแรกที่หดตัวลงไป จากการปรับกลยุทธ์การขายและการปรับรูปแบบการพัฒนาโครงการให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของตลาด ซึ่งคาดว่ารายได้ทั้งปีจะอยู่ที่ 47,000 ล้านบาท ซึ่งได้ปรับมาจากเป้าเดิมที่ 50,500 ล้านบาท”นางสุพัตรา กล่าวในที่สุด

 

ด้านนายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท แวลู บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตทจำกัด (มหาชน) หรือPS  กล่าวว่า ในครึ่งปีหลังจะมีการปรับพอร์ตเน้นเปิดโครงการคอนโดมิเนียมมากขึ้น เพื่อเป็นการวางเป้าหมายรายได้ในระยะยาว โดยจะเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเพิ่มอีก 10 โครงการ คิดเป็น 40% ของพอร์ตรวมทั้งหมด ซึ่งมีหลากหลายทำเลทั้งใจกลางเมืองย่านธุรกิจและตามแนวรถไฟฟ้า คาดว่าจะช่วยเพิ่มมาร์เก็ตแชร์ในกลุ่มคอนโดได้มากยิ่งขึ้น ในส่วนของบ้านเดี่ยวจะเน้นการสร้างความแตกต่างทั้งในด้านของดีไซน์ ฟังก์ชั่น สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ และนวัตกรรมการอยู่อาศัย ให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้าให้มากที่สุด 

 

นอกจากนี้ยังปรับแผนนำโครงการคอนโดฯ 2 ทำเลคือ เดอะทรี หัวหมาก และเดอะทรี จรัญ-บางพลัด ไปโรดโชว์ที่เซี่ยงไฮ้ และฮ่องกง ในเดือนตุลาคม 2561 นี้เป็นครั้งแรก เพื่อสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รับรู้ในตลาดต่างประเทศมากขึ้น

 

และในครึ่งปีหลังนี้จะมีการรับรู้รายได้จากการโอนคอนโดมิเนียมจำนวน 4 โครงการ ได้แก่ พลัมคอนโด ปิ่นเกล้า สเตชั่น,  พลัมคอนโด รามคำแหง สเตชั่น, เออร์บาโน่ ราชวิถี และแชปเตอร์วัน อีโค รัชดา-ห้วยขวาง มูลค่าราว 12,200ล้านบาท ประกอบกับแนวโน้มของอัตราการปฏิเสธธนาคารของลูกค้าพฤกษาในครึ่งปีแรกที่ผ่านมาซึ่งอยู่ในระดับต่ำเพียง 4.6% จากกลยุทธ์บ้านพร้อมขาย (Ready to Move in) และ Pre-Approve ทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ จึงคาดว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายรายได้ตามแผนที่วางไว้อย่างแน่นอน

 

*** อ่านรายละเอียดเพื่มเติมได้ที่ >>> พฤกษา ฯแจงผลประกอบการครึ่งปีแรกของปี’61”กำไร-รายได้”ร่วง