สยามสตีลฯ เปิดตัว Business Unitลัคกี้ บิลดิ้ง ซิสเท็ม รุกให้บริการ “อาคารสำเร็จรูป” และ “ห้องน้ำสำเร็จรูป” ในไทยด้วยระบบก่อสร้างแบบ MODULAR นำนวัตกรรมปฏิรูปวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย ด้านควบคุมคุณภาพ-ลดปัญหาเรื่องแรงงาน รองรับการขยายตัวโครงการที่อยู่อาศัยต่อเนื่อง เล็งขยายฐานลูกค้าไปประเทศCLMV-จีน-สิงคโปร์ มั่นใจสัดส่วนรายได้ใน-ต่างประเทศ 50:50

 

 

 

นายกิติชัย คุณานันทกุล กรรมการผู้จัดการ Business Unit ลัคกี้ บิลดิ้ง ซิสเท็ม บริษัท สยามสตีล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ในปี2561 นี้ ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ได้มีการนำเสนอแผนเปิดตัวโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยมีความต้องการสร้างโครงการฯได้เร็วและมีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ในขณะที่มีปัญหาเรื่องแรงงาน มีการขาดแคลนช่างฝีมือ ด้วยเหตุนี้ บริษัทฯจึงเห็นโอกาสทางธุรกิจดังกล่าว ด้วยการเปิดตัว “ลักกี้ บิวดิ้ง ซิสเท็ม”  โดยเป็น Business Unit ใหม่ เพื่อรุกให้บริการ “อาคารสำเร็จรูป”และ”ห้องน้ำสำเร็จรูป” เป็นทางเลือกให้กับผู้ประกอบการโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆเพื่อยกมาตรฐานคุณภาพสู่ระดับสากล โดยมีโรงงานการผลิตตั้งอยู่ที่ ถนนปู่เจ้าสมิงพราย อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ  มีกำลังการผลิตและควบคุมคุณภาพ มีศักยภาพรองรับการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในไทยได้อย่างพอเพียงและสำหรับส่งออก  

 

โดยห้องน้ำสำเร็จรูปสามารถ แก้ปัญหา เพราะ สั่งสำเร็จรูปจากโรงงาน รวมทั้ง คนในสังคมรุ่นใหม่และ ผู้บริโภค ก็มีความสนใจอยากใช้กัน มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง  เพราะได้รับข้อมูลข่าวสารจากสื่อโซเชียลต่างๆ โดยจุดเด่นของห้องน้ำสำเร็จรูป สิ่งแรกก็คือคุณภาพ มั่นใจได้ว่าไม่รั่วซึม การส่งมอบงาน ส่งได้เรียบร้อย รอยต่อกระเบื้องต่างๆ ไม่เกิดความเสียหาย ความสวยงาม ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพราะการผลิตส่วนใหญ่ไม่ได้ใช้แรงงานคน การจัดเรียงประกอบใช้เครื่องจักรอีกครั้งตอบโจทย์ผู้รับเหมา ในเรื่องของความสะดวกติดตั้งและความเร็วโดยปัญหาในการติดตั้งจัดทำจะถูกสกรีนตั้งแต่แรกแล้ว จึงทำให้การติดตั้งสะดวกราบรื่นไม่ต้องเสียเวลาแก้งานในตอนส่งมอบบ้าน โดยในช่วงแรกจะเน้นการทำตลาดในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑลก่อน ส่วนตลาดต่างจังหวัด ขณะนี้อยู่ในระหว่างการศึกษาข้อมูล

           

สำหรับผลิตภัณฑ์ของ ลัคกี้ บิลดิ้ง ซิสเท็ม ประกอบด้วยระบบ (Modular Building System) โดยสามารถให้บริการได้ทุกรูปแบบ ทั้งโครงการก่อสร้างชั่วคราว (Temporary) โครงการถาวร Permanent รวมไปถึงโครงการที่เป็นSpecial Project โดยผลิตภัณฑ์ของ ลัคกี้ บิลดิ้ง ซิสเท็ม จะใช้ระบบ  MODULAR BUILDING SYSTEM เพื่อการทำงานที่รวดเร็ว ให้ความสวยงามและทนทาน ตามมาตรฐานสากล โดยเหมาะกับการก่อสร้างอาคาร ทั้งในรูปแบบของคอนโดมิเนียม โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ บ้านเดี่ยว รวมไปถึง moduleเล็กสุดในอาคาร นั่นก็คือห้อง “ห้องน้ำสำเร็จรูป Prefabricated Bathroom Pod” โดยมีการการันตีคุณภาพโครงสร้างเบื้องต้น ปี

 

“ด้วยความมุ่งมั่นในการนำนวัตกรรมเข้ามาในไทยทำให้มีความสนใจที่จะขยายธุรกิจให้บริการ “อาคารสำเร็จรูป” และ “ห้องน้ำสำเร็จรูป”  ผ่าน Business Unit ลัคกี้ บิลดิ้ง ซิสเท็ม  ซึ่งนำนวัตกรรมระบบ Modular มาใช้ในประเทศไทย โดยมีการปรับรูปแบบให้มีความเหมาะสมกับคนไทยมากที่สุด พร้อมคำนึงถึงเรื่องของดีไซน์และวัสดุที่มีคุณภาพ พื้นที่ประโยชน์ใช้สอยและเพื่อผสานให้ลงตัวกับcustomized product ที่ปัจจุบันโครงการฯ มี Concept และ Segment ที่หลากหลายและแตกต่างกัน อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้วงการอสังหาริมทรัพย์ของไทยและผู้บริโภคได้ใช้สินค้ามาตรฐานส่งออก ซึ่งมั่นใจได้ว่า ผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเป็นสินค้าคุณภาพมาตรฐานระดับสากลอย่างแน่นอน การเปิดBusiness Unit นี้เพื่อความคล่องตัวในการทำงานทุกรายละเอียดอย่างใกล้ชิดร่วมกับทุกDeveloperและตอบทุกโจทย์ของผู้ประกอบการในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ระดับชั้นนำอย่างแน่นอน”นายกิติชัย กล่าว

           

 

โดยลัคกี้ บิลดิ้ง ซิสเท็ม นั้นมุ่งเน้นการนำนวัตกรรมมาใช้ เพื่อปฏิรูปวงการอสังหาฯของไทย ในเรื่องการควบคุมคุณภาพมาตรฐานสินค้าต่อผู้บริโภค และช่วยลดปัญหาเรื่องแรงงานในไซด์งาน โดยผลิตภัณฑ์ต่างๆออกแบบมาเพื่อใช้เวลาในการติดตั้งที่รวดเร็ว ซึ่งพร้อมรองรับการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา โดยมุ่งเน้นกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มโรงแรม กลุ่มธุรกิจโครงการอสังหาริมทรัพย์ทุกรูปแบบ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม อพาร์ตเมนต์ ตั้งแต่ 70 ยูนิตขึ้นไป เพื่อให้ได้มูลค่าในการสั่งสินค้า หากเป็นคอนโดฯสามารถสั่งได้จำนวนมาก ซึ่งสาเหตุที่เน้นตลาดคอนโดมิเนียมเป็นหลัก เนื่องจากมีความชัดเจนในเรื่องการติดตั้งการก่อสร้าง ที่รวดเร็ว และในเฟสต่อๆไปจะขยายไปยังอสังหาแนวราบด้วย เพราะ “ลัคกี้ บิลดิ้ว ซิสเท็ม” มีบ้านสำเร็จรูปที่พร้อมจะให้บริการที่ตอบสนองทั้ง ด้านคอนเซ็ปต์ และ ด้านดีไซน์

           

นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนที่จะการขยายตลาดไปยังประเทศเพื่อนบ้านในส่วนของกลุ่ม CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา และ เวียดนาม) รวมไปถึงจีนและสิงคโปร์ด้วย ขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาธุรกิจกับผู้ประกอบการในท้องถิ่น ซึ่งคาดว่าจะสามารถดำเนินธุรกิจส่งออกในกลุ่มดังกล่าวได้ในเร็วๆ นี้  โดยปัจจุบันได้ส่งออกไปยัง ญี่ปุ่น อินเดีย ออสเตรเลีย และ บาร์เรน เป็นหลัก

 

สำหรับสัดส่วนรายได้นั้นมาจากการจำหน่ายในประเทศและต่างประเทศ ในสัดส่วนที่เท่ากันคือ 50 :50 แม้ว่าในประเทศไทยเพิ่งจะรุกตลาดได้เพียง ปี แต่ก็ได้รับความสนใจจากตลาดค่อนข้างสูงโดยเฉพาะผู้ประกอบการรายใหญ่