พลัสฯไม่หวั่นคู่แข่งทางธุรกิจเพิ่มมากขึ้น มั่นใจมาตรฐาน-บริการจุดแข็งหลัก คาดปี62 รับบริหารจัดการอาคารรวม 36 โครงการ ในกทม.-ตจว. ระบุเป็นโครงการแสนสิริฯสูงถึง 80% เชื่อผู้ประกอบการยังต้องการมืออาชีพเข้าบริหารโครงการหลังการขาย พร้อมเปิดแผน 4 กลยุทธ์หลักรับมืออสังหาฯขาลง ตั้งเป้ารายได้แตะ 570 ล้านบาท

นางสาวนฤมล อาภรณ์ธนกุล  ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายบริหารอาคารที่พักอาศัย บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยถึง ภาพรวมเศรษฐกิจปี 2562 จะมีการเติบโต จากความชัดเจนในการลงทุนจากภาครัฐ และภายหลังมีการเลือกตั้งจะส่งให้เกิดความเชื่อมั่นจากกลุ่มนักลงทุนทั้งชาวไทยและต่างชาติ สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังสามารถเติบโตได้จากการปรับตัวของผู้ประกอบการที่เริ่มผลิตสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาด เช่น โครงการมิกซ์ยูส คอนโดมิเนียมสำหรับผู้สูงอายุ รวมถึงในอนาคตอาจมีการขายสิทธิ์ในการเช่าซื้อระยะยาว (leasehold) ซึ่งจะกระตุ้นอุปสงค์ได้เป็นอย่างดี

 

ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าปัจจุบันตลาดอสังหาฯเร่ิมเปลี่ยนแปลงไปมาก มีการขยายตัวมากขึ้น ทำให้ตลาดมีความหลากหลาย ขณะเดียวกันผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่ก็หันมาดำเนินธุรกิจบริหาร จัดการอาคารเองมากขึ้น ส่วนจะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละบริษัท  ซึ่งในส่วนของพลัสฯนั้นดำเนินงานด้านบริหารจัดการมานาน จึงมีความมั่นใจในมาตรฐานและบริการที่ถือเป็นจุดแข็งโดดเด่นเหนือกว่าบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมเดียวกัน ย่ิงการที่ตลาดมีการขยายตัวมากขึ้นถือเป็นการเพิ่มช่องทางการในทำตลาดของพลัสฯในการเข้าไปบริหารจัดการ ที่จะทำให้แต่ละโครงการมีมูลค่าเพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันพลัสฯถือเป็น 1 ใน 3 บริษัทที่ติดอันดับการให้บริการจัดการอาคาร รองจากบริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย)จำกัด หรือ CBREและบริษัท โจนส์ แลง ลาซาลล์(ประเทศไทย)จำกัด หรือ JLL

 

ปัจจุบันพลัสฯ เป็นผู้ให้บริการด้านบริหารจัดการอาคารที่พักอาศัยชั้นนำของประเทศ ดูแลโครงการทั้งสิ้น 198 โครงการ  จำนวนประมาณ 60,000 ยูนิต รวมพื้นที่กว่า 5 ล้านตารางเมตร แบ่งเป็นโครงการจากในกรุงเทพฯ 70% และต่างจังหวัดหัวเมืองท่องเที่ยว 30%ในจำนวนนี้ เป็นโครงการแนวสูง 60% แนวราบ 40% โดยเป็นการบริหารจัดการโครงการของบริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน)หรือ SIRI สัดส่วน 80% และโครงการจากผู้ประกอบการอื่น สัดส่วน 20%  ทั้งนี้จากข้อมูลของฝ่ายวิจัยและพัฒนาของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ คาดว่าปี 2562 นี้ จะมีโครงการทั้งแนวราบและแนวสูงสร้างเสร็จในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จำนวน ประมาณ 200,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 3% โดยการเติบโตยังเป็นลักษณะคล้ายช่วง 2-3 ปี ที่ผ่านมา คือตลาดระดับกลาง-บนยังเติบโตดี โดยเฉพาะจากโครงการขนาดใหญ่ ที่เป็นมิกซ์ยูสทั้งในและเขตรอบนอกของกรุงเทพฯ โดยพลัสฯคาดว่าในปีนี้จะสามารถรับบริหารจัดการได้เพิ่มอีก 36 โครงการ โดยส่วนใหญ่จะเป็นโครงการในพื้นที่กรุงเทพฯ และมีที่ต่างจังหวัดเพียง 2-3 โครงการเท่านั้น แบ่งเป็นโครงการแนวสูง สัดส่วน 55% และแนวราบ 45% ซึ่งจะทำให้ในปีนี้พลัสฯมีโครงการ ที่บริหารจัดการรวมทั้งสิ้น 220 โครงการ 

ส่วนความคืบหน้าหลังจากที่ได้เปิดตัว “PLUS Eduplex”สถาบันแห่งการเรียนรู้ ที่ได้รวบรวมองค์ความรู้ในรูปแบบ Micro-Learning แห่งแรกของวงการอสังหาริมทรัพย์ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2561 ที่ผ่านมา ปรากฎว่าได้รับการตอบรับที่ดีทั้งจากบุคลากรในองค์กร และนอกองค์กร นับเป็นการปฏิวัติธุรกิจการบริการสู่แพลต์ฟอร์มที่เหนือระดับ และนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดขยายธุรกิจ                  ไปยังฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ ทั้งโครงการแนบราบและแนวสูง ตลอดจนโครงการที่มีการนำระบบเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งต้องใช้ทักษะเฉพาะด้านในการบริหารจัดการ

 

ทั้งนี้ธุรกิจบริหารจัดการโครงการที่พักอาศัย ยังมีการแข่งขันสูงจากการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งแนวโน้มต่อจากนี้มองว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ต้องการมืออาชีพเข้ามาช่วยบริหารโครงการหลังการขาย สอดคล้องกับแผนงานหลักที่พลัสฯ จะรุกสู่ธุรกิจบริหารจัดการโครงการที่พักอาศัยอย่างหลากหลาย และขยายไปสู่กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ด้วยแผนงานและวิธีการบริหารจัดการที่ท้าทายยิ่งขึ้น ผ่านแผนกลยุทธ์หลัก 4 ด้าน เริ่มต้นจาก 

 

1.Living Management ที่พลัสฯ พร้อมส่งมอบการบริหารจัดการที่เป็นพิเศษครบทุกมิติทั้งในด้านที่อยู่อาศัย สภาพแวดล้อม ความปลอดภัย และกิจกรรมที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านในแต่ละโครงการ ภายใต้แคมเปญ Beautiful Community – ความสุขเริ่มที่บ้าน 

 

2.Technology Driven โดยนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนสำคัญในการบริหารจัดการ อาทิ พัฒนาแอพพลิเคชั่นพิเศษที่ให้บริการเฉพาะลูกบ้านในโครงการที่พลัสฯ บริหาร, ระบบ PLUS  Management System ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการโครงการและจัดเก็บฐานข้อมูลลูกบ้านเพื่อการตอบสนองที่รวดเร็ว และต่อยอดไปสู่ธุรกิจบริการด้านอื่น ไม่ว่าจะเป็นซื้อ-ขาย-เช่า นับเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ 

 

3.Sharing Economy โดยการร่วมมือกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญแต่ละด้านมาเชื่อมต่องานบริการเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า เกิดการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ  ผ่าน Plus Concierge ซึ่งได้การตอบรับที่ดีจากพันธมิตรระดับแนวหน้าของประเทศ อาทิ Smart Move, Instawash, Trendy Wash, Refun Machine, iBox, Box24 เข้ามาให้บริการในโครงการที่พลัสฯ บริหาร  

 

และ4.Professional เพิ่มศักยภาพความสามารถของบุคลากรอย่างต่อเนื่องผ่าน Plus Eduplex ทั้งเรื่องของมาตรฐานการบริการ และหลักสูตรสำหรับให้บริการเฉพาะด้าน อาทิ Her Forward หลักสูตรพิเศษสอนทักษะงานช่างเบื้องต้นให้บุคลากรหญิง ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างไม่มีข้อจำกัดตามเทรนด์ในปัจจุบันที่ผู้หญิงโสดเลือกที่จะอาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมมากขึ้น

อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 570 ล้านบาท จากปี 2561 ที่มีรายได้ 460 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโต 23%