CPanel เผยภาพรวมตลาดอสังหาฯยังชะลอตัวยาว ผู้ประกอบการรายใหญ่ปรับโมเดลธุรกิจระบายสต๊อกเก่าราคาถูกกว่าพรีเซล 20-30%  ส่วนเล็กทยอยหายจากวงจร ประกาศปรับแผนขยายฐานลูกค้าหน่วยงานราชการผ่านผู้รับเหมาก่อสร้างเป็นปีแรก สัดส่วน 10%  เสริมพอร์ตเพิ่มความแกร่ง พร้อมพัฒนาเทคโนโลยี ลดต้นทุนการผลิต  โชว์ Backlog 380 ล้านบาท ตั้งเป้าปีนี้เติบโต 5-10% กวาดรายได้ 326-340 ล้านบาท  
นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (CPanel) ผู้ผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2563 ว่า ยังคงชะลอตัวยาวมาถึงไตรมาส 1/2563 และมีความไม่แน่นอนสูง ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ได้รับผลกระทบจากมาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ( Loan to Value : LTV) ฉุดยอดขายยอดโอนกรรมสิทธิ์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการบางรายมีการลดสต๊อกสินค้าในช่วงไตรมาส 4/2562 ต่อเนื่องถึงช่วงไตรมาส 1/2563

อย่างไรก็ตามปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการและผู้รับเหมาปรับกลยุทธ์ ลดต้นทุนการก่อสร้าง    ลดจำนวนแรงงาน บริหารความเสี่ยง ลดเวลาการก่อสร้างเพื่อลดสต็อคและใช้วัสดุที่ทำให้การก่อสร้างเสร็จเร็วมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้ประกอบการรายใหญ่หลายรายก็ปรับโมเดลด้วยการลดราคาสินค้าที่ถูกกว่าช่วงพรีเซล 20-30% แต่ก็มีทางเลือกในการซื้อที่ดินแปลงในพื้นที่กรุงเทพฯปริมณฑล มากขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการรายใหญ่สามารถซื้อที่ดินได้ในราคาที่คุ้มค่า สามารถพัฒนาได้หลายเฟส ขณะเดียวกันก็ถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการรายกลางเช่นกัน ที่สามารถหาซื้อที่ดินแปลงใหญ่ได้ง่ายขึ้น ส่วนผู้ประกอบการรายเล็กจะหายไปจากตลาด ซึ่งจะเป็นช่องทางให้ผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามากินส่วนแบ่งตลาดได้เพิ่มมากขึ้นทำให้ภาพรวมตลาดอสังหาฯไม่ถึงกับเลวร้ายมากนัก

จากปัจจัยดังกล่าวข้างต้นถือเป็นโอกาสของบริษัทฯที่เริ่มเห็นสัญญาณคำสั่งซื้อในช่วงไตรมาส2/2563  แล้ว ส่งผลให้ทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯในปีนี้มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องโดยบริษัทฯปรับกลยุทธ์รักษาฐานลูกค้าเดิม พร้อมขยายฐานกลุ่มลูกค้ารายใหม่ เสริมพอร์ตเพิ่มความแข็งแกร่ง จากเดิมที่เป็นลูกค้าภาคเอกชน 100% แต่ในปี 2563 จะรับงานจากภาคเอกชนประมาณ 90% หรือประมาณ 15-18 ราย และเน้นรับงานจากกลุ่มผู้รับเหมาก่อสร้าง ในการก่อสร้างอาคารขนาดใหญ่ของ 2 หน่วยงานภาครัฐ ในสัดส่วนประมาณ 10% แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เนื่องจากต้องรอผลการประมูลให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

นอกจากนี้บริษัทฯยังมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และลดต้นทุนการผลิต โดยร่วมกับมหาวิทยาลัยราชมงคลตะวันออก และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน นำเทคโนโลยีใหม่มาใช้ในการพัฒนาหุ่นยนต์การผลิต เพื่อลดต้นทุนในกระบวนการผลิต และลดความผิดพลาด หรือความสูญเสียในการผลิต เพื่อผลิตชิ้นงานได้มีคุณภาพมากขึ้น สามารถตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการได้

ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการส่งมอบสินค้าเข้าไปยังโครงการต่างๆ อาทิโครงการสัมมากรสุวรรณภูมิ ,โครงการ Golden NEo บางนากิ่งแก้ว ,โครงการ บริทาเนีย เมกะทาวน์ ,บริทาเนีย หทัยราษฎร์, โครงการของบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด,โครงการของบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด(มหาชน) ย่านอ่อนนุช ฯลฯ นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาโครงการงานก่อสร้างอาคารภาครัฐ งานอาคารสำนักงาน และคอมมูนิตี้มอลล์ ซึ่งถือเป็นการขยายโอกาสในการรับงานให้มีความหลากหลายมากขึ้น และอยู่ระหว่างยื่นเสนออีกหลายโครงการ

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเดินหน้าเข้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของภาครัฐและเอกชน ปัจจุบันบริษัทฯมีลูกค้าจำนวน 15 ราย มีมูลค่างานในมือ (Backlog) 380 ล้านบาททยอยรับรู้รายได้ใน 2 ปี ขณะที่กำลังการผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 60%  โดยบริษัทตั้งเป้าอัตราการเติบโตปีนี้อยู่ที่ 5-10% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 326-340 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*