เอ็น.ซี.เฮ้าส์ซิ่งฯเผยภาพรวมตลาดอสังหาฯครึ่งปีหลัง 63 โครงการแนวราบยังมาแรง ดีมานด์มีความต้องการต่อเนื่อง  แต่แบงก์ยังเข้มงวดปล่อยสินเชื่อ จ่อเปิด 3 โครงการใหม่ ทำเลกทม.โซนเหนือพัทยา รวมมูลค่า 2,000 ล้านบาท มั่นใจกวาดยอดขายรวมตามเป้า 2,700 ล้านบาท และรับรู้รายได้  1,600 ล้านบาท
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม
นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม  กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด(มหาชน)หรือ NCH เปิดเผยถึง แนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 ว่า ความต้องการซื้อยังมีอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดแนวราบ เนื่องจากพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคเร่ิมมีความต้องการพื้นที่ใช้สอยในการทำกิจกรรมต่างๆเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงล็อกดาวน์โควิด-19 ที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้ซัพพลายในครึ่งปีหลังอาจจะมีปริมาณที่มากขึ้นบ้าง เพราะผู้ประกอบการรายใหญ่ได้หันมารุกตลาดแนวราบกันมากขึ้น ซึ่งมองว่าจะยิ่งทำให้ตลาดมีสีสันมากขึ้น และผลประโยชน์จะตกกับผู้บริโภค ที่จะมีทางเลือกมากขึ้น ขณะเดียวกันสถาบันการเงินก็จะมีความระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น ซึ่งรวมถึงกลุ่มอาชีพที่เกี่ยวกับสายการบิน ธุรกิจโรงแรมด้วย ขณะที่บุคลากรทางแพทย์ และธุรกิจด้านออนไลน์ สถาบันการเงินจะให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี

สำหรับตลาดอสังหาฯในกรุงเทพฯโซนเหนือนั้น มองว่าเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมในการอยู่อาศัยจากผู้บริโภคเป็นอย่างมาก เพราะราคาที่ดินยังไม่สูงจนเกินไป สามารถรองรับการพัฒนาโครงการแนวราบได้ อีกทั้งยังมีความพร้อมในด้านระบบสาธารณูปโภคที่ครบครัน ส่งผลให้มีผู้ประกอบการรายใหญ่เข้ามาพัฒนาเกือบทุกรายแล้ว ทำให้ซัพพลายมีเพียงพอสำหรับผู้บริโภคในทุกเซกเมนต์ โดยทาวน์เฮาส์ จะมีตั้งแต่ระดับราคา 2-4 ล้านบาท ,บ้านเดี่ยว และบ้านแฝดระดับราคา 3-10 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งในส่วนของ NCH ที่ทำตลาดในย่านนี้มานาน โครงการที่พัฒนาจึงได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ในครึ่งปีหลัง 2563 บริษัทฯมีแผนที่จะเปิดตัวแนวราบใหม่อีก 3 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท จากแผนการเปิดตัวโครงการทั้งปี 4 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ2,600 ล้านบาท ได้แก่

1.โครงการบ้านฟ้าปิยรมย์ นีโอล่า พัฒนาในรูปแบบของบ้านแฝด ขนาด 38-42 ตารางวา และทาวน์เฮาส์ ขนาด 18-27 ตารางวา จำนวนกว่า 300 ยูนิต มูลค่าโครงการเกือบ 1,000 ล้านบาท

2.โครงการทาวน์เฮาส์ ย่านลำลูกกา คลอง7 จำนวนกว่า 400 ยูนิต มูลค่าโครงการเกือบ 1,000 ล้านบาท

3.โครงการบริเวณซอยชัยพรวิถี ย่านพัทยาเหนือ .ชลบุรี พัฒนาในรูปแบบของบ้านแฝดขนาด36-43 ตารางวา จำนวนกว่า 70 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 300 ล้านบาท

สำหรับในครึ่งปีแรกได้เปิดตัวไปเพียง 1 โครงการ คือ “NC ON GREEN PALM PARK”ตั้งอยู่บนพื้นที่ 14 ไร่ พัฒนาในรูปแบบของทาวน์เฮาส์ ขนาด 20-28 ตารางวา ราคา 2.3-3.5 ล้านบาทและบ้านแฝด ขนาด 36-41 ตารางวา ราคา3.9-4.5 ล้านบาท จำนวน 108 ยูนิต มูลค่าโครงการ350 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายแล้วประมาณ 50%

โดยกลยุทธ์การขายโครงการแนวราบในช่วงครึ่งปีหลังสำหรับโครงการใหม่ที่เปิดตัวจะแบ่งการขายเป็นทั้งบ้านพร้อมอยู่ และบ้านสั่งสร้าง เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากมีลูกค้าบางกลุ่มยังต้องการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านเอง ทำให้บริษัทเพิ่มทางเลือกบ้านสั่งสร้างเข้ามา ซึ่งจะมีสัดส่วน 10% ในการขายโครงการ แต่บ้านพร้อมอยู่ยังเป็นสัดส่วนใหญ่ในการขายของบริษัท ซึ่งบริษัทมั่นใจว่ายอดขายในช่วงครึ่งปีหลังจะยังคงเติบโตขึ้นสูงกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะโครงการที่บริษัทพัฒนาที่ตอบโจทย์ความสุขของลูกบ้านตามคอนเซ็ปต์การพัฒนาโครงการรูปแบบใหม่ของบริษัท คือ All for Home

อย่างไรก็ตามในปี 2563 บริษัทฯคาดว่าจะสามารถทำยอดขายรวมได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้  2,700 ล้านบาท หลังจากยอดขายครึ่งปีแรกที่ผ่านมาบริษัททำยอดขายได้สูงถึง 1,900 ล้านบาทจากปัจจัยหนุนของความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบกลับมาเพิ่มขึ้น

ส่วนรายได้ในปีนี้คาดว่าจะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้เช่นกันที่ 1,600 ล้านบาท โดยที่การโอนโครงการยังมีการโอนต่อเนื่องตามแผนของบริษัท โดยที่ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ทั้งหมด 500-600 ล้านบาท เข้ามาสนับสนุนรายได้ของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังให้เป็นไปตามเป้า

       

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*