คอลลิเออร์สฯ เผยปี 63 พื้นที่กทม.มีคอนโดฯก่อสร้างแล้วเสร็จ-จดทะเบียนมากสุด 122 โครงการ ในรอบ 30 ปี   ขณะที่ปี 64 ผู้ประกอบการหวั่นลูกค้าหลุดทิ้งโอน ต้องนำห้องชุดมาดัมพ์ราคาต่ำกว่าพรีเซล หวังนำเงินเข้าบริษัท ระบุยังเห็นสงครามราคาต่อเนื่อง คาดบริษัทอสังหาฯยังรุกผุดคอนโดฯพื้นที่กทม.ชั้นนอก โดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้างต่อเนื่อง
นายภัทรชัย ทวีวงศ์
นายภัทรชัย ทวีวงศ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่าในช่วงปี 2441 – 2563 ที่ผ่านมาพบว่า มีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครมากถึง  678,262 ยูนิต สำหรับในปี 2563 ที่ผ่านมาพบว่า มีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครมากถึง 122 โครงการ 57,220  ยูนิต ซึ่งถือว่าเป็นปีที่มีคอนโดมิเนียมก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดมากที่สุดในรอบ 30 ปีที่ผ่านมาในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รองมาจากในปี2561 ที่มีคอนโดมิเนียมก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดอยู่ที่ 55,325 ยูนิต ถือว่าปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึงร้อยละ 51 จากอุปทานที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในปี 2562 ทั้งหมด 37,885 หน่วย

สำหรับในปี 2564 คาดการณ์ว่าจะมีคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพฯ อีกกว่า 45,000 ยูนิต โดยมองว่าการเติบโตของอุปทานคอนโดมิเนียมที่สร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดที่สูงเป็นอย่างมากในปี 2563 ที่ผ่านมานั้นเกิดจากอุปทานเปิดขายใหม่ของโครงการคอนโดมิเนียมจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่ตลาดคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ คึกคักเป็นอย่างมาก คือ ในปี 2560 มีคอนโดมิเนียมที่เปิดขายใหม่จำนวน 58,424 ยูนิต และ 66,021 ยูนิตในปี 2561 ซึ่งแค่เพียงในช่วง 2 ปีดังกล่าวพบว่ามีอุปทานคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่มากถึง 124,445 ยูนิต ส่งผลให้ในปี 2563 ที่ผ่านมามีคอนโดมิเนียมจำนวนมากที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดจากโครงการคอนโดมิเนียมเหล่านั้นที่เคยเปิดขายในช่วงก่อนหน้า

โดยอุปทานคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จจำนวนมากเหล่านี้ถือว่าเป็นอีก 1 ปัจจัยสำคัญที่สร้างความกังวลให้กับผู้พัฒนาว่าหากเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จและเรียกลูกค้าเข้ามาโอนกรรมสิทธิ์จะมียูนิตหลุดโอนมากน้อยเพียงใด และหากยูนิตเหล่านั้นมีการทิ้งโอนเป็นจำนวนมากในภาวะที่ตลาดชะลอตัวเช่นนี้ จะเป็นอีกปัญหาที่สำคัญที่ผู้พัฒนาจะต้องนำยูนิตเหล่านี้กลับมาขายใหม่ในตลาดอีกครั้ง หรืออย่างที่เห็นผู้ประกอบการหลายรายเลือกที่จะนำยูนิตเหล่านี้กลับมาขายใหม่ด้วยการปรับลดราคาขายลงต่ำกว่าในช่วง Pre-sale ก่อนหน้าด้วยซ้ำ เพื่อกระตุ้นความสนใจของกลุ่มลูกให้เพิ่มมากขึ้น และกระตุ้นยอดโอนกรรมสิทธิ์เพื่อการรับรู้รายได้และดึงเงินเข้าบริษัทให้มากที่สุด ซึ่งส่งผลให้จะยังคงเห็นสงครามราคาในตลาดคอนโดมิเนียมอย่างต่อเนื่องในปี 2564  

อย่างไรก็ตาม จากอุปทานสะสมคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร อยู่ที่ 678,262  ยูนิต พบว่าตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นนอกมากที่สุดประมาณ  391,793 ยูนิต หรือคิดเป็นร้อยละ 58 และในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นในประมาณ 286,469 ยูนิต หรือคิดเป็นร้อยละ 42 สำหรับในพื้นที่กรุงเทพฯชั้นในพบว่า อุปทานสะสมคอนโดมิเนียมที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและจดทะเบียนอาคารชุดตั้งอยู่ในพื้นที่รอบเมืองด้านทิศเหนือ( รัชดาฯพหลโยธิน) มากที่สุด 96,105 ยูนิต หรือคิดเป็นร้อยละ 14 รองลงมาคือในพื้นที่เมืองชั้นใน ( สีลม สาทร สุขุมวิทตอนต้น ) ประมาณ 60,368 ยูนิต หรือคิดเป็นร้อยละ 9 และในพื้นที่รอบเมืองด้านทิศตะวันออก (สุขุมวิท) อีกประมาณ 37,476 ยูนิต หรือคิดเป็นร้อยละ 6

สำหรับในปี 2564 แผนกวิจัยและการสื่อสาร คอลลิเออร์ส ประเทศไทย คาดการณ์ว่าผู้พัฒนาส่วนใหญ่จะยังคงเลือกที่จะพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นนอกมากขึ้นหรือในพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยเฉพาะโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงรามคำแหงลำสาลี ,รถไฟฟ้าสายสีเหลือง บริเวณถนนลาดพร้าวและศรีนครินทร์และรถไฟฟ้าสายสีชมพู บริเวณถนนรามอินทรา และแจ้งวัฒนะ จะเป็นพื้นที่ที่คาดการณ์ว่าจะมีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมคึกคักขึ้นในปี 2564

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*