เครือพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคฯปรับกลยุทธ์ปี64 หั่นขายที่ดิน-โรงแรม มูลค่ารวม 20,200 ล้านบาท ครั้งใหญ่ในรอบกว่า 30 ปี หวังพลิกฟื้นคืนกำไร-ลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุนเหลือ 1.2 เท่า พร้อมก้าวสู่ธุรกิจใหม่กำไรสูงดีมานด์สูงผลิตส่งออกถุงมือยาง ด้านธุรกิจอสังหาฯ ชะลอแนวสูง ผุดแนวราบทั้งพัฒนาเอง-ร่วมทุนฮ่องกงแลนด์ รวม 6 โครงการ มูลค่า 9,930 ล้านบาท  คาดรายได้ทั้งกลุ่มปีนี้แตะระดับ 21,370 ล้านบาท ขณะที่จะมีรายได้จากโครงการร่วมทุน-ธุรกิจถุงมือยางอีก 8,200 ล้านบาท
นายศานิต อรรถญาณสกุล
นายศานิต อรรถญาณสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้  เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่าหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และมีการนำวัคซีนเข้ามาแล้ว แต่มองว่ารัฐบาลยังดำเนินการช้าไป ซึ่งนอกจากบุคลากรทางการแพทย์ และบุคคลที่ต้องดำเนินการฉีดวัคซีนก่อนนั้น ผู้ที่อยู่ในพื้นที่หัวเมืองท่องเที่ยวก็จะต้องมีการดำเนินการเช่นกัน คาดว่าจะมีการฉีดวัคซีนได้ทั่วโลกภายในปลายปี 2564 นี้ หลังจากนั้นนักท่องเที่ยวจะสามารถเดินทางได้ทั่วโลก และในต้นปี 2565 จะทำให้ทุกธุรกิจกลับมาฟื้นตัว
สำหรับในส่วนของบริษัทฯเองยอมรับว่าในช่วงปี 2563 ผ่านมาหลังจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19  ส่งผลให้บริษัทได้ปรับกลยุทธ์ทิศทางการดำเนินงานในปี 2564 ใหม่ เพื่อพลิกกลับมาสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและสร้างความมั่นคงทางการเงิน โดยมีแผนทั้งการขายที่ดินที่ไม่มีแผนพัฒนาโครงการ และสิทธิการเช่า อีกทั้งการขายการลงทุนในโรงแรมและจัดตั้งกองทรัสต์ มูลค่ารวม 20,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นถือเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดในรอบ 30 กว่าปี  ประกอบด้วย

1.ขายที่ดิน ในทำเลแจ้งวัฒนะ, รามอินทรา, รัชดาภิเษก และรามคำแหง มูลค่ารวม 11,700 ล้านบาท โดยเฉพาะทำเลรัชดาภิเษก ขณะนี้มีผู้ประกอบการชาวไทยในธุรกิจรีเทล สนใจพัฒนาเป็นอาคารสำนักงาน 1 ราย และกลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยี จากจีน อีก 1 ราย ขณะนี้อยู่ในระหว่างการเจรจา

2.ขายโรงแรม จำนวน 2 แห่ง มูลค่ารวม 8,500 ล้านบาท เข้ากองทรัสต์ (ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาจัดตั้งกอง) ได้แก่ 1.โรงแรม รอยัล ออคิด เชอราตัน มูลค่า 4,500 ล้านบาท และ 2.โรงแรม รีเจนซี่ สุขุมวิท มูลค่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 โรงแรมดำเนินงานภายใต้บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) หรือ GRAND

การดำเนินการดังกล่าวถือเป็นแนวทางที่จะเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้ดีขึ้น ทำให้ต้นทุนทางการเงินลดลง และลดภาระหนี้ โดยตั้งเป้าหนี้สินสุทธิต่อทุนที่ระดับ 1.2 สำหรับธุรกิจหลักจะขับเคลื่อนให้มีรายได้เติบโต สานต่อโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรต่างประเทศ โดยบริษัทไม่มีการเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเป็นเวลา 3 ปีติดต่อกันนับจากปี 2562 แต่เชื่อว่าในปี 2565-2567 จะเป็นปีที่ธุรกิจอสังหาฯจะกลับมาเป็นรายได้หลักของบริษัทฯ

“ในปีนี้ กลุ่มบริษัทยังขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ซึ่งมีดีมานด์สูงและกำไรสูงได้แก่ ธุรกิจผลิตและส่งออกถุงมือยาง ที่จะช่วยเสริมสร้างรายได้ในระยะยาว โดยประมาณการรายได้รวมปีนี้จะอยู่ที่ 21,370 ล้านบาท ประกอบด้วย รายได้ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 13,070 ล้านบาท แกรนด์ แอสเสทฯ 2,100 ล้านบาท และรายได้จากการขายที่ดินและการลงทุน 6,200 ล้านบาท ขณะที่ยังจะมีรายได้จากโครงการร่วมทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 4,000 ล้านบาท และธุรกิจถุงมือยาง 4,202 ล้านบาท” นายศานิต กล่าว

นายศานิต กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการปรับกลยุทธ์ดังกล่าวจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานในปี 2564 จะพลิกมีกำไรสุทธิ จากปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 1,045.83 ล้านบาท จากการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดำเนินงาน โดยมีแผนการขายที่ดินที่ไม่มีแผนพัฒนาโครงการและสิทธิการเช่า รวมถึงเงินลงทุน ซึ่งเป็นแนวทางที่จะเพิ่มความสามารถในการทำกำไรให้ดีขึ้น เพราะต้นทุนทางการเงินลดลง จากการลดภาระหนี้ โดยตั้งเป้าหนี้สินสุทธิต่อทุน (D/E) ที่ระดับ 1.2 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 2 เท่า ประกอบกับธุรกิจหลัก (ขายอสังหาริมทรัพย์) ฟื้นตัว อีกทั้ง ยังมีธุรกิจใหม่ (ผลิตถุงมือยาง) เข้ามาเสริม

ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) รวมมูลค่า 4,000 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปี 2564 ทั้งหมด โดยแบ่งเป็น Backlog ของ PF มูลค่า 2,000 ล้านบาท (Backlog คอนโดมิเนียมประมาณ 1,000 ล้านบาท และ Backlog แนวราบประมาณ 1,000 ล้านบาท) และเป็น Backlog ของ GRAND มูลค่า 2,000 ล้านบาท  โดยในปี 2564 บริษัทฯตั้งเป้ายอดขาย (Presale) ไว้ที่ 17,300 ล้านบาท แบ่งเป็น ยอดขายจากโครงการแนวราบ จำนวน 12,000 ล้านบาท, ยอดขายจากโครงการร่วมทุน จำนวน 2,000 ล้านบาท, ยอดขายจากโครงกาาคอนโดมิเนียมภายในประเทศ จำนวน 2,500 ล้านบาท และยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมในประเทศญี่ปุ่น จำนวน 800 ล้านบาท

และประมาณการรายได้รวมปี 2564 จะอยู่ที่ 21,370 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 12,512.79  ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ในปีนี้จะประกอบด้วย รายได้ของ PF จำนวน 13,070 ล้านบาท คาดจะมีอัตรากำไรสุทธิที่ 10%, รายได้จาก GRAND (ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ PF) จำนวน 2,100 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,144.25 ล้านบาท), รายได้จากการขายที่ดินและสิทธิการเช่า จำนวน 6,200 ล้านบาท คาดจะมีอัตรากำไรสุทธิที่ 30%

นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต

ด้านนายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ PF  กล่าวถึงแผนการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2564 นี้ว่า จะเปิดตัวใหม่ทั้งสิ้น 6 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการแนวราบทั้งหมด รวมมูลค่า 9,930 ล้านบาท โดยเป็นการพัฒนาเอง 5 โครงการ ได้แก่

1.โครงการโมดิ วิลล่า บางนา2

2.โครงการแบรนด์ใหม่ ย่านสุทธิสาร ที่เดิมจะพัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯโลว์ไรส์ 8 ชั้น แบรนด์ “เมโทรลักซ์” แต่จากสถานการณ์ตลาดคอนโดฯที่ชะลอตัว ส่งผลให้ปรับเป็นบ้านเดี่ยว 3 ชั้น ขนาด 150-200 ตารางวา ราคา 50-55 ล้านบาท และโฮมออฟฟิศ 5 ชั้น ราคา 70-80 ล้านบาท จำนวนทั้งหมด 8 ยูนิต มูลค่ารวม 500 ล้านบาท มีแผนจะเปิดตัวในเดือนสิงหาคม 2564 นี้

3.โครงการเพอร์เฟค พาร์ค บางใหญ่2

4.โครงการเพอร์เฟค พาร์ค พหลฯ-จตุโชติ

5.โครงการเพอร์เฟค เพลส สุขุมวิท-สุวรรณภูมิ

ส่วนอีก 1 โครงการเป็นการร่วมทุนกับกลุ่มฮ่องกงแลนด์ ทำเลสุวรรณภูมิ ภายใต้แบรนด์ LAKE LEGEND บางนา-สุวรรณภูมิ” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 83 ไร่เศษ เป็นบ้านเดี่ยว ขนาด 80 ตารางวา – 1 ไร่ ราคา 25-100 ล้านบาท จำนวน 128 ยูนิต มูลค่าโครงการ 5,100 ล้านบาท โดยจะเปิดตัวในไตรมาส 3/2564 นี้

รวมถึงยังจะสร้างยอดขายต่อเนื่องจาก 2 โครงการร่วมทุนกับฮ่องกงแลนด์ และ ซูมิโตโม ฟอเรสทรี และโครงการในโซนกรุงเทพตะวันตก ที่จะได้รับอานิสงส์จากการเปิดตัวของห้างสรรพสินค้าและโรงเรียนนานาชาติแห่งใหม่ และรถไฟฟ้าสายสีชมพู

“ในปีนี้วางเป้าขาย 17,300 ล้านบาท จากโครงการแนวราบ 12,000 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 2,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียมในประเทศ 2,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมประเทศญี่ปุ่น 800 ล้านบาท จากการที่เศรษฐกิจโดยรวมขยายตัวลดลง บริษัทจึงชะลอการเปิดโครงการใหม่ โดยเปิดเพิ่ม 6 โครงการ มูลค่า 9,930  ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบทั้งหมด” นายวงศกรณ์ กล่าว

นายวิทวัส วิภากุล

นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAND  กล่าวว่า ปี 2564 นี้ แกรนด์ แอสเสทฯ วางเป้าขายจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1,100 ล้านบาท เป็นคอนโดมิเนียม 500 ล้านบาท และ วิลล่าในจังหวัดระยอง 600 ล้านบาท ส่วนธุรกิจโรงแรม สถานการณ์โควิด-19 มีผลกระทบอย่างมากกับธุรกิจท่องเที่ยว ส่งผลให้รายได้ของโรงแรมปีที่ผ่านมาต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก สำหรับปีนี้ คาดว่าจะฟื้นตัวและเติบโตอย่างรวดเร็วในครึ่งปีหลัง โดยประมาณการรายได้ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท อย่างไรก็ดี เนื่องจากสถานการณ์การระบาดของไวรัสยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มาก แผนการดำเนินงานในปี 2564 จึงยังมุ่งเน้นไปที่ตลาดชาวไทยท่องเที่ยวในประเทศเป็นหลัก ตั้งเป้าให้มีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย (OCC)ทั้งปีที่ 50%

นอกเหนือจากธุรกิจหลักแล้ว บริษัทยังรุกเข้าสู่ธุรกิจใหม่ เพื่อสร้างแหล่งรายได้ใหม่และสร้างกำไรให้เติบโตอย่างมั่นคง ด้วยเห็นโอกาสจากความต้องการใช้ถุงมือยางทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จึงได้ร่วมมือกับ บริษัท วัฒนชัย รับเบอร์เมท จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและส่งออกถุงมือยางที่มีชื่อเสียงด้านคุณภาพและความน่าเชื่อถือยาวนานทั้งในและต่างประเทศ จัดตั้ง บริษัท แกรนด์ โกลบอล โกลฟส์ จำกัด (GGG) เพื่อผลิตและจำหน่ายถุงมือยางสังเคราะห์ (Nitrile) ภายใต้แบรนด์ GGG สู่ตลาดทั้งภายในและต่างประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศที่มีอัตราการใช้ถุงมือยางสูง เช่น สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น โดยได้ลงทุนสร้างโรงงานบนเนื้อที่ 21 ไร่  ในนิคมอุตสาหกรรม    ทีเอฟดี 2 จังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 2 อาคาร ซึ่งอยู่ระหว่างก่อสร้างอาคารหลังแรก ที่มี 8 สายการผลิต มีกำลังการผลิต 21 ล้านกล่องต่อปี หรือ 2,100 ล้านชิ้นต่อปี คาดว่าการก่อสร้างจะแล้วเสร็จเดือนเมษายนนี้ และเริ่มดำเนินการผลิตได้ในเดือนพฤษภาคม 2564 นี้

ส่วนอาคารหลังที่ 2 มีกำหนดแล้วเสร็จปลายปี 2564นี้ มีจำนวนเครื่องจักร 8 เครื่อง กำลังการผลิตรวม 21 ล้านกล่องต่อปี นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายกำลังการผลิตถุงมือยางธรรมชาติควบคู่ไปกับถุงมือยางไนไตรล์ เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดโลก โดยรายได้จากธุรกิจถุงมือยางในปีนี้ประมาณการไว้ที่ 4,202 ล้านบาท

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*