เอพีฯเผยตลาดคอนโดฯเริ่มฟื้นตัว จากสัญญาณบวก ดีมานด์-ซัพพลาย บางทำเลเริ่มมีจุดสมดุล แต่ยังเป็นปีเสือที่ท้าทายในการพัฒนาสินค้าตอบโจทย์ลูกค้า ตอกย้ำแผนผุดคอนโดฯใหม่ปี 65 รวม 5 โครงการ มูลค่า 13,000 ล้านบาท ชูแบรนด์ ASPIRE โฉมใหม่ ครึ่งปีแรกพร้อมปักธง 3 ทำเล มูลค่ารวม 6,800 ล้านบาท มั่นใจศักยภาพทำเล ให้ผลตอบแทนสูง 4.5-5% พร้อมเติบโตอย่างมั่นคงด้วย Backlog ในมือมากกว่า 18,300 ล้านบาท รับรู้รายได้จนถึงปี 67
นางสาวกมลทิพย์ บำรุงชาติอุดม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานธุรกิจคอนโดมิเนียม บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด(มหาชน)หรือ AP เปิดเผยว่า เศรษฐกิจโลกที่ยังผันผวนนั้นได้ส่งผลกระทบถึงสภาวะเศรษฐกิจในประเทศไทยด้วย แต่หากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ยังทรงตัว มองว่าตลาดคอนโดฯน่าจะปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยมองว่าในปี 2565 ดีมานด์-ซัพพลาย อยู่ในจุดสมดุลในหลายๆทำเลแล้ว เมื่อเทียบกับในช่วง  2 ปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการเริ่มปรับตัว ปรับแผน ลดการเปิดตัวคอนโดฯใหม่ และเร่งระบายสต๊อกเก่า โดยเฉพาะคอนโดฯพร้อมอยู่ ซึ่งมองว่าปีนี้ตลาดคอนโดฯยังขับเคลื่อนด้วยดีมานด์ในประเทศ จึงเป็นอีกหนึ่งปีที่ผู้บริโภคสามารถซื้อคอนโดฯได้ในราคาที่คุ้มค่ามาก แต่ถ้าหากเมื่อเศรษฐกิจปรับตัวฟื้นตัวดีขึ้น ราคาคอนโดฯก็จะปรับตัวขึ้นตามวัฏจักรเศรษฐกิจ ประกอบกับมาตรการของรัฐบาลที่ออกมากระตุ้นภาคธุรกิจ ทั้ง การลดค่าจดจำนอง ค่าธรรมเนียมการโอน หรือการผ่อนคลายมาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value : LTV) ก็มีผลทำให้ความเชื่อมั่น เป็นในเชิงบวก ในมุมของผู้ประกอบการถือว่ายังเป็นปีที่ท้าทายด้วย นอกเหนือจากการคาดการณ์สถานการณ์ที่แม่นยำแล้ว การเลือกแปลงที่ดินที่ใช่ การพัฒนาสินค้าที่ตอบโจทย์ลูกค้าในแต่ละทำ ทำให้สามารถเอาชนะคู่แข่งได้

“ความท้าทายของตลาดคอนโดฯในปีนี้ ทิศทางของตลาดยังคงปรับเปลี่ยนตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เอพีฯจับสัญญาณตลาดเรียลดีมานด์ในลูกค้าเซกเมนต์กลางถึงกลางล่าง  ที่มองหาคอนโดฯใหม่ในทำเลซิตี้โซนได้ทยอยปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ และผู้ประกอบการหลายรายต่างกระโดดลงมาแข่งขันในตลาดดังกล่าว ดังนั้น ผู้ประกอบการที่สามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำ เลือกแปลงที่ดินที่ใช่ พัฒนาโครงการได้ตอบโจทย์สอดรับกับรูปแบบการใช้ชีวิตวิถีใหม่ ในแพ็กเกจราคาที่ลูกค้ามองหา จะสามารถสร้างความได้เปรียบเหนือกว่าสินค้าทั่วไปในตลาด และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าอย่างแน่นอน” นางสาวกมลทิพย์ กล่าว

โดยในปีนี้บริษัทฯมีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ทั้งสิ้น 5 โครงการ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาท เป็นการเปิดตัวในครึ่งปีแรกจำนวน 3 โครงการ มูลค่ารวม 6,800 ล้านบาท ได้แก่

1.โครงการ “ASPIRE ปิ่นเกล้า – อรุณอมรินทร์” ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 4-2-79.2 ไร่ สูง 5 ชั้น 2 อาคาร ขนาดตั้งแต่ 26-51 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 2.89 ล้านบาท หรือ เริ่มต้นที่ 94,000 บาท/ ตารางเมตร จำนวน 395 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท พร้อมเปิดจองรอบพิเศษในวันที่ 19 – 20 มีนาคม 2565 นี้

2.โครงการ “ASPIRE รัชโยธิน” ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 5-0-35.7 ไร่ สูง 8 ชั้น 3 อาคาร ขนาดตั้งแต่ 25-35 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นที่ 1.99 ล้านบาท หรือเริ่มต้นที่ 79,600 บาท/ ตารางเมตรจำนวน 633 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท เตรียมเปิดจองรอบพิเศษในเดือนพฤษภาคม 2565 นี้

3.โครงการ “ASPIRE สุขุมวิท – พระราม 4” เป็นโครงการร่วมทุนกับมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป (MECG)  ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 4-3-55.8 ไร่ สูง 38 ชั้น 1 อาคาร ขนาด 24 – 55 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 2.39 ล้านบาท หรือเริ่มต้นที่ 99,000 บาท/ ตารางเมตร จำนวน 1,323 ยูนิต มูลค่าโครงการ 4,200 ล้านบาท โดยเตรียมเปิดจองรอบพิเศษในเดือนมิถุนายน 2565 นี้

โดยจากการสำรวจภาพรวมตลาดคอนโดฯที่เปิดตัวย้อนหลัง 5 ปี (2560 – 2564) พบว่า

ตลาดคอนโดฯโซนอรุณอมรินทร์ ถือเป็นทำเลคุณภาพศูนย์กลาง Medical & Education Hub แถวหน้าของประเทศ หนึ่งใน rare location สุดยอดทำเลหายาก เนื่องจากที่ดินติดถนนอรุณอมรินทร์ที่มีขนาดเหมาะสมกับการพัฒนาคอนโดมีจำกัด จึงทำให้ ASPIRE ปิ่นเกล้า – อรุณอมรินทร์ จะเป็นโครงการใหม่เพียงโครงการเดียวบนช่วงถนนเส้นดังกล่าว สวนทางกับดีมานด์ที่พบความต้องการสะท้อนจากยอดขายรวมที่ต่อเนื่องสูงถึง 75% จากทั้งหมด 11 โครงการที่เปิดขายในแนวโครงข่าย MRT สถานีบางยี่ขัน – บางขุนนนท์ – แยกไฟฉาย และยังเป็นโอกาสของตลาดปล่อยเช่าในลูกค้ากลุ่มนักศึกษา-บุคคลากรทางการแพทย์ที่น่าจับตามอง โดยอัตราการปล่อยเช่าปีล่าสุดที่ 8,000 – 15,000 บาทต่อเดือน ด้วยผลตอบแทนการปล่อยเช่า (Rental Yield) ถึง 4.5 – 5%

ด้านตลาดคอนโดรัศมี 1.5 กิโลเมตรจาก BTS รัชโยธิน หนึ่งในทำเลระดับท็อปของเรียลดีมานด์ที่รองรับนักศึกษาและคนทำงานรุ่นใหม่ จากปัจจัยรายล้อมด้วยสถานที่ทำงานขนาดใหญ่และมหาวิทยาลัยชั้นนำ โดยเฉพาะโครงข่ายรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียว (หมอชิต – สะพานใหม่ – คูคต) เปิดทำการ ตอบการเดินทางเข้า – ออกใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว ยิ่งทวีความคึกคักให้กับตลาดแมสคอนโดฯโครงการใหม่ในย่านนี้ ทำให้ย่านรัชโยธินเป็นทำเลศักยภาพในการลงทุนทั้งเพื่ออยู่อาศัยเองและการปล่อยเช่าในอนาคต ซึ่งจากการสำรวจซัพพลายพบ 15 โครงการ จำนวน 9,024 ยูนิต มียอดขายแล้วกว่า 87% ในขณะที่ 3 ปีที่ผ่านมาพบการเปิดโครงการใหม่ลดลงต่อเนื่อง และสินค้าคงเหลือขายปัจจุบัน พบราคาขายเฉลี่ย 125,000 – 150,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งไม่สอดรับกับสิ่งที่ตลาดมองหา โดยอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (Rental Yield) ในย่านนี้ที่มีอัตราที่ดีเช่นกันที่ประมาณ 5% และพบภาพรวมอัตราการปล่อยเช่าปีล่าสุดที่ 9,000 – 20,000 บาทต่อเดือน

ขณะที่ตลาดคอนโดฯโซนพระราม 4 – สุขุมวิท ในรัศมี 1.5 กิโลเมตรจาก BTS พระโขนง ทำเลใจกลางย่านสุขุมวิทศูนย์รวมย่านธุรกิจและไลฟ์สไตล์ชั้นนำของกรุงเทพฯ พบยอดขายรวมที่เกิดขึ้น 76% จากทั้งสิ้น 21 โครงการ และหากพิจารณาประกอบกับภาพรวมอัตราการปล่อยเช่าปีล่าสุดที่ 9,500 – 20,000 บาทต่อเดือน ด้วยผลตอบแทนการปล่อยเช่า (Rental Yield) ถึง 5% ทำให้ภาพรวมตลาดของคอนโดฯในทำเลนี้ เป็นที่สนใจของลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

สำหรับอีก 2 โครงการที่เหลือ บริษัทฯมีแผนที่จะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/2565 ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับ มิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป ได้แก่ แอสปาย อ่อนนุช สเตชั่น  และ ไลฟ์ พหล- อารีย์

นางสาวกมลทิพย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้เป็นการกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ของแบรนด์ ASPIRE โฉมใหม่ โปรดักต์ไฮไลท์ของปี ที่เอพีฯ เซ็ตมาตรฐานกระบวนการพัฒนาใหม่ทั้งหมด จากการศึกษาและถอดรหัสอินไซต์การใช้ชีวิตของกลุ่ม Young Generation ลูกค้าเป้าหมาย ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอด 2 ปีที่ผ่านมา หลังพบ Sentiment ลูกค้าคอนโดฯที่เริ่มปรับตัวฟื้นกลับดีขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะลูกค้าเรียลดีมานด์ในประเทศที่ซื้อเพื่ออยู่จริงยังคงมีอยู่ สะท้อนการตอบรับที่ดี จากยอดขายสินค้าคอนโดฯ เอพีล่าสุดกว่า 1,080 ล้านบาท (15 กุมภาพันธ์ 2565) แม้ยังไม่มีการเปิดโครงการใหม่ หรือโตกว่า 250% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแผนเดินหน้าเปิดตัว ASPIRE โฉมใหม่ในครั้งนี้ จะเป็นโครงการที่สร้างความแตกต่าง และเป็นตัวเลือกอันดับแรกของลูกค้ารุ่นใหม่ที่มองหาคอนโดใหม่บนทำเลซิตี้โซนในราคาที่คุ้มค่าจับต้องได้ เริ่มที่ 1.99 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัทฯ วางแบรนด์ Positioning ASPIRE ใหม่ ภายใต้จุดยืน ‘LIVE AS YOU ASPIRE อิสระในทุกมิติของชีวิต’ โดยตั้งเป้าการพัฒนาให้ ASPIRE คือคอนโดฯในกลุ่มแมสเซกเมนต์ที่ดีที่สุด ผ่านกระบวนคิดเชิงออกแบบและพัฒนาโครงการ ที่จะปรับรูปแบบสู่การดีไซน์สเปซฟังก์ชั่นให้สามารถปลดล็อกทุกข้อจำกัดของการใช้ชีวิตยุคใหม่ในคอนโดฯ ที่จะไม่เป็นเพียงที่อยู่อาศัย แต่ทุกสเปซฟังก์ชั่นและประสบการณ์ในแอสปายคอนโดฯโครงการใหม่ต่อจากนี้ จะสามารถเติมเต็มพลังและต่อยอดความสุข ทั้งมิติการพักผ่อน การใช้ชีวิตส่วนตัว และมิติการทำงานที่แตกต่างกันของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละทำเลได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยการผสาน 3 จุดขายใหม่ ได้แก่

1.Modular Layout พื้นที่ชีวิตที่ดีที่สุด ครั้งแรกกับการนำเสนอผังยูนิตดีไซน์ใหม่ทั้งหมดกว่า 40 รูปแบบ เน้นความยืดหยุ่นปรับเปลี่ยนได้อย่างอิสระ ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้พื้นที่ที่เป็นสัดส่วน และรู้สึกคล่องตัวมากขึ้น ตอบอินไซต์การใช้ชีวิตแบบไฮบริดของลูกค้า

2.The Best of ‘ME’ Space ส่วนกลางที่ปลดปล่อยอิสระทื่ลงตัวที่สุด ฟังก์ชั่นตอบอินไซต์ไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมการใช้งานของดีมานด์จริงในแต่ละแปลงที่ดิน เพื่อส่งมอบการพักผ่อนแบบแอคทีฟพร้อมบาลานซ์ความเป็นส่วนตัวไปด้วยกัน

3.Entry – Level Price บริหารแพ็กเกจราคาให้เป็นข้อเสนอที่ดีที่สุด ซึ่งมั่นใจว่าคอนโดฯ ASPIRE โฉมใหม่จะสามารถปลดล็อกทุกอิสระความต้องการในแต่ละวัน แต่ละช่วงเวลาของลูกค้า เพื่อที่จะ EMPOWER ให้ได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในทุกๆ ด้าน และได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ากลุ่มแมสคอนโดฯในทุกทำเลที่เอพีฯเตรียมเปิดขาย

“เอพีฯเชื่อมั่นว่าโครงการ ASPIRE โฉมโหม่ จะเป็นคอนโดมิเนียม ระดับกลาบที่ดีที่สุด ที่เข้ามาสร้างความแตกต่างและเป็นมาตรฐานใหม่ของการอยู่อาศัยในคอนโดฯ ที่สะท้อนถึงความเป็นที่สุด ตอบอิสระการใช้ชีวิตได้อย่างครบถ้วนในทุกมิติที่ลูกค้ามองหา ทั้งการนำเสนอโปรดักส์ที่แตกต่าง การดีไซน์ผังห้องชุดและพื้นที่ส่วนกลางที่ตอบทุกอิสระของการใช้ชีวิตในคอนโดฯยุคใหม่ ควบคู่กับปัจจัยราคาขายที่คุ้มค่าจับต้องได้จริง จะทำให้สามารถเจาะเข้าไปครอบคลุมกลุ่มลูกค้าในตลาดคอนโดฯระดับกลางที่มากขึ้น ซึ่งจะทำให้แผนการเปิดขาย ASPIRE โครงการใหม่ที่จะทยอยเปิดพรีเซลตั้งแต่ครึ่งปีแรกนี้เป็นต้นไป จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าในทุกโลเคชั่นอย่างแน่นอน” นางสาวกมลทิพย์ กล่าว

ซึ่ง ณ  วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2565 บริษัทฯ มีสินค้าคอนโดมิเนียมอยู่ระหว่างการขายจำนวน 15 โครงการ มูลค่าคงเหลือขาย 27,530 ล้านบาท และมีสินค้าคอนโดฯรอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุน (Backlog) มูลค่ามากถึง 18,300 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดฯเอพีฯ มูลค่า 1,500 ล้านบาท และเป็นโครงการร่วมทุน มูลค่า 16,800 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายในปีนี้ มูลค่า 9,790 ล้านบาท ที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2567  พร้อมเตรียมรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์ 3 คอนโดฯใหม่ ASPIRE เอราวัณ ไพร์ม LIFE สาทร เซียร์รา และ RHYTHM เอกมัย เอสเตท มูลค่ารวม 12,800 ล้านบาท

“ความสำเร็จในปีที่ผ่านมา (2564) เอพี ไทยแลนด์ฯ ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอย่างมาก ขึ้นแท่นผู้นำอันดับหนึ่งในอุตสาหกรรม โดยมี EMPOWER LIVING เป็นจุดมุ่งหมายสำคัญขององค์กร ด้วยผลงานสถิติการเติบโตทางด้านรายได้ครั้งใหม่ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีรายได้รวมจากสินค้าแนวราบและกลุ่มคอนโดฯ (100% JV) มากถึง 40,015 ล้านบาท และด้านกำไรสุทธิปี 64 (Net Profit) สูงถึง 4,543 ล้านบาท โตกว่า 7.5% นับเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ถึงความแข็งแกร่งภายในองค์กรกับความพร้อมที่จะปรับตัวอย่างรวดเร็ว และสะท้อนได้ถึงความมั่นใจของผู้บริโภค ตลอดจนกำลังซื้อที่ยังคงมีอยู่” นางสาวกมลทิพย์ กล่าวในที่สุด

 

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*