กรมพัฒนาพลังงานทดแทนฯ เดินหน้าลดใช้พลังงาน เตรียมเจรจาธปท.แบงก์พาณิชย์สนุนสินเชื่อเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่เหมาะสม  พร้อมขอจัดสรรวงเงินในกรอบพ.ร.บ.ในแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ วงเงิน 2.5 แสนล้านบาท หวังนำมากระตุ้นเศรษฐกิจ ด้านความคืบหน้าอาคารอนุรักษ์พลังงาน มาตรฐาน BEC มีอาคารภาครัฐผ่านการตรวจรับรองแล้ว 369 อาคาร และอาคารเอกชนที่สนใจ จำนวน 322 อาคาร ทั้งอัดฉีดเม็ดเงินกว่า 500 ล้านบาท ผ่าน 3 โครงการสำคัญ เพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน โชว์ผลการดำเนินงาน “การลดใช้พลังงานในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง” สานต่อนโยบายของรัฐบาลที่ให้การลดใช้พลังงานเป็นวาระสำคัญของประเทศ  ช่วยชาติลดการนำเข้าพลังงานได้กว่า 84 ktoe หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 1,260 ล้านบาท/ปี
ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ
ดร.ประเสริฐ สินสุขประเสริฐ อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) เปิดเผยว่า  จากปัญหาการใช้พลังงานภายในประเทศที่ส่งผลกระทบกับทุกภาคส่วน และการใช้พลังงานที่ค่อนข้างสูง ส่งผลให้ประเทศไทยจะต้องจ่ายเงินออกไปในส่วนที่เกี่ยวกับพลังงานเป็นมูลค่ามหาศาล เช่น มีการใช้น้ำมัน 100 ล้านลิตรต่อวัน มีการใช้ไฟฟ้ากว่า 8 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศให้การลดใช้พลังงานเป็นวาระสำคัญของประเทศ ที่ให้ทุกภาคส่วนลดการใช้พลังงาน ขณะเดียวกัน ทางพพ. ได้มีการเจรจากับธนาคารพาณิชย์หลายแห่ง อาทิเช่น ธนาคารยูโอบี จำกัด(มหาชน) ,ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) ,ธนาคารกสิกรไทย  จำกัด(มหาชน) ,ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน)และธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) เป็นต้น ในการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อการอนุรักษ์พลังงานที่เหมาะสม

นอกจากนี้ ทางพพ.เตรียมที่จะหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารพาณิชย์ ในการขอจัดสรรวงเงินในกรอบของพระราชบัญญัติในแผนการฟื้นฟูเศรษฐกิจ วงเงิน 2.5 แสนล้านบาท เพื่อที่จะนำมากระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งวงเงินดังกล่าวมีส่วนมาสนับสนุนโครงการอนุรักษ์พลังงานทดแทน โดยธปท.จะปล่อยสินเชื่อผ่านธนาคารพาณิชย์ในอัตราดอกเบี้ยที่ 0.01 % และธนาคารฯปล่อยสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการ ที่ต้องการเงินทุนไปเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน คิดอัตราดอกเบี้ยต่ำ  2 % ในช่วง 2 ปีแรก และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีถัดๆไปแต่ไม่เกิน  5 % พร้อมทั้งยกเว้นค่าธรรมเนียมทั้งหมดให้กับผู้ประกอบการ

โดยปัจจุบัน สถาบันการเงินหลายแห่ง  มีนโยบายปล่อยสินเชื่อพลังงานสะอาด ซึ่งการปรับปรุงประสิทธิภาพด้านพลังงาน จะทำให้ต้นทุนของผู้ประกอบการลดลง  โดยทางพพ.จะหารือกับธปท.และสถาบันการเงินในสัปดาห์หน้า ซึ่งจะเจรจาในรายละเอียดที่พพ.จะสามารถสกรีนและกลั่นกรองในเรื่องอะไรได้บ้าง โดยหลักเกณฑ์การพิจารณาที่เข้าข่ายการจะใช้วงเงินดังกล่าว คาดว่ากระบวนการทั้่งหมดจะเริ่มมีความชัดเจนประมาณเดือนพฤษภาคมนี้

สำหรับความคืบหน้า อาคารที่เข้าร่วมโครงการ อาคารอนุรักษ์พลังงาน มาตรฐาน Building Energy Code (BEC) ซึ่งจะบังคับใช้กับการออกแบบอาคารใหม่ หรือดัดแปลง ขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 2,000 ตารางเมตรขึ้นไป ซึ่งขณะนี้ มีอาคารภาครัฐที่ผ่านการตรวจรับรองจำนวน 369 อาคาร และมีอาคารเอกชนที่สนใจ จำนวน 322 อาคาร ทั้ง อาคาร BEC จะกระทบต่อต้นทุนก่อสร้างเฉลี่ยไม่เกิน 5% คืนทุนภายใน 3 ปี เจ้าของอาคารและผู้ใช้อาคารจะจ่ายค่าไฟลดลงและประเทศไทย จะประหยัดพลังงานได้มากกว่า 10% มีเป้าหมายภายใน 20 ปี จะสามารถประหยัดไฟฟ้าได้รวม 13,700 ล้านหน่วย หรือคิดเป็นมูลค่าเท่ากับ 47,000 ล้านบาท

ดร.ประเสริฐ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการที่รัฐบาลได้ประกาศให้การลดใช้พลังงานเป็นวาระสำคัญของประเทศที่ให้ทุกภาคส่วนลดการใช้พลังงาน พพ.ในฐานะหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่ในการพัฒนาและส่งเสริมพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน ได้จัดทำมาตรการสนับสนุนการประหยัดพลังงาน ในภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม และภาคขนส่ง เพื่อให้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤติพลังงานในสถานการณ์ปัจจุบัน โดย พพ.ได้ดำเนินมาตรการส่งเสริมการประหยัดพลังงานในระดับธุรกิจ ผ่านกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน ใช้งบประมาณรวม 500 ล้านบาท ให้การสนับสนุนเงินลงทุน (20-30%) ในการปรับเปลี่ยน ปรับปรุงเครื่องจักร อุปกรณ์ในโรงงานและอาคาร ,ปรับปรุงอุปกรณ์และระบบบริหารจัดการสำหรับการขนส่งสินค้า และการสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนเพื่อลดต้นทุน ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมโครงการกว่า 900 ราย  มีผลประหยัดพลังงาน 84 ktoe หรือกว่า 1,260 ล้านบาทต่อปี  โดยผลการดำเนินงานของแต่ละโครงการประกอบด้วย

1.โครงการสนับสนุนการลงทุนเพื่อปรับเปลี่ยนปรับปรุงเครื่องจักร อุปกรณ์เพื่อการอนุรักษ์พลังงาน ปี 2564 พพ.ได้เข้าไปสนับสนุนค่าลงทุนบางส่วน 20% -30%  ในการปรับเปลี่ยน ปรับปรุงเครื่องจักร อุปกรณ์ ให้แก่โรงงาน SMEs Startup ผู้ประกอบกาภาคเกษตร วงเงินสนับสนุนรวม  378 ล้านบาท มีสถานประกอบการได้รับการสนับสนุน 457 ราย ก่อให้เกิดการลงทุนในระบบเศรษฐกิจของประเทศอย่างน้อย 2,095 ล้านบาท ผลประหยัดที่คาดว่าจะเกิดขึ้น 20 ktoe ต่อปี  หรือคิดเป็นเงินที่ประหยัดได้เกือบ 1,000 ล้านบาท สามารถลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 120,000 tCO2

2.โครงการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานในผู้ประกอบการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ปี 2564  พพ.สนับสนุนค่าลงทุน 30% หรือไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย มีผู้ได้รับการสนับสนุน 21 ราย คิดเป็นวงเงิน 20 ล้านบาท มีผลประหยัดพลังงาน 1.89 ktoe หรือคิดเป็นเงิน 36 ล้านบาทต่อปี ลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก 6,000 tCO2 และกระตุ้นเม็ดเงินลงทุนได้กว่า 72 ล้านบาท

3.โครงการสนับสนุนการใช้พลังงานทดแทนในภาคความร้อน วงเงินสนับสนุน 103 ล้านบาท ปัจจุบันมีผู้ผ่านการพิจารณา 46 ราย  เพิ่มสัดส่วนการใช้เชื้อเพลิงในภาคความร้อน แบ่งเป็น ชีวมวล 60 ktoe  และก๊าซชีวภาพ 2 ktoe เทียบเท่ากับ 220,000 ตันต่อปี

ดร.ประเสริฐ กล่าวอีกว่า พพ.ยังได้มีการดำเนินการเพื่อลดการใช้พลังงานในภาคอุตสาหกรรม อาทิ การให้โรงงานควบคุมและอาคารควบคุม รวมกว่า 9,500 แห่ง จัดส่งรายงานผลการตรวจสอบและรับรองการจัดการพลังงาน ปี 2564 มีเป้าหมายประหยัดพลังงานไม่น้อยกว่า 267 ktoe คิดเป็นเงินจำนวน 6,675 ล้านบาท , จัดทำ e-Service การบริการภาครัฐอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการและผู้ที่เกี่ยวข้อง สามารถยื่นคำขอและรับแจ้งผลการพิจารณาได้อย่างสะดวก ถูกต้อง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยลดต้นทุน ลดการใช้พลังงาน ทั้งด้านเอกสารที่เป็นกระดาษ การเดินทางมายื่นด้วยตนเองหรือทางไปรษณีย์ และลดระยะเวลาดำเนินการ  , การเปิดหลักสูตรอบรมออนไลน์ให้กับผู้รับผิดชอบด้านพลังงานในกลุ่มโรงงานควบคุมและอาคารควบคุมที่ยังไม่มีหรือยังมีไม่ครบตามกฎหมายกำหนด

ทั้งนี้ พพ. ยังได้จัดทำมาตรการช่วยเหลือหน่วยงานราชการให้ลดการใช้พลังงาน 20% ในอาคารราชการเข้าข่ายควบคุมจำนวน 900 แห่ง และอาคารราชการนอกข่ายควบคุม จำนวน 8,062 แห่ง โดยมีมาตรการ อาทิ  ด้วยการสนับสนุนให้มีการกระตุ้นเตือน การอบรมผู้รับผิดชอบด้านพลังงานแบบออนไลน์, ให้คำปรึกษาเชิงรุกในการจัดการพลังงาน, จัดตั้งศูนย์Hotline ให้คำปรึกษาการจัดการพลังงานตามกฎหมาย, สัมมนาชี้แจงการดำเนินมาตรการลดใช้พลังงานในหน่วยงานภาครัฐ, ให้คำแนะนำโดยศูนย์บริการวิชาการทั้ง 10 แห่งทั่วประเทศ เป็นต้น

“การประหยัดพลังงานเป็นวิธีดีที่สุดในขณะนี้ ในการที่จะต่อสู้กับสถานการณ์ วิกฤติพลังงานให้ผ่านพ้นไปได้ เพราะการประหยัดพลังงานเป็นสิ่งที่ทำได้ทันทีและเห็นผลได้อย่างรวดเร็ว” ดร.ประเสริฐ กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*