เซ็นทรัลพัฒนาฯรีสตาร์ทประเทศเร่งฟื้นเศรษฐกิจ ประกาศเดินหน้ากลยุทธ์ “Retail-Led Mixed-Use Development” รุกธุรกิจโรงแรม 3 แบรนด์ ตามแผน 5 ปี รวม 37 โครงการ 27 จังหวัด ด้วยงบลงทุนรวม 10,000 ล้านบาท มุ่งมั่นสร้างมาตรฐานใหม่การพักอาศัยโรงแรม พร้อมบุกเบิก “เศรษฐกิจการดินทาง” ภายใต้ 3 กลยุทธ์หลัก หวังตอบโจทย์ที่มากกว่าการท่องเที่ยว ครอบคลุมทุกจุดประสงค์  ปักหมุดโครงการแรก  “Centara Korat” เตรียมเปิดตัวก.ย.65นี้ หวังเป็นจิ๊กซอว์เติมเต็มโครงการ “เซ็นทรัล โคราช” เป็นมิกซ์ยูสที่ใหญ่และสมบูรณ์แบบที่สุดในภาคอีสาน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ในฐานะประธานและร่วมแสดงวิสัยทัศน์ ร่วมกับผู้บริหารบริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน)หรือ CPN เปิดเผยว่า ในโอกาสที่เซ็นทรัลพัฒนา ได้เปิดเผยถึงแผนการพัฒนาธุรกิจโรงแรมทั่วประเทศครั้งนี้ เชื่อว่าจะมีส่วนสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ พร้อมทั้งยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย สู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ เกิดการกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท้องถิ่นได้อย่างทั่วถึง ทั้งในเมืองท่องเที่ยวหลักและเมืองท่องเที่ยวรอง สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ต้องการ “ฟื้นประเทศด้วยการท่องเที่ยว” สู่การ “ฟื้นเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ” ในที่สุด ขณะนี้ ทางกระทรวงฯ มีแผนการพัฒนาสินค้าใหม่ (New Products) เพื่อกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยนักท่องเที่ยวกลุ่ม Staycation, Workation และ Digital Nomad นับเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง การขยายโครงการโรงแรมรวมถึงต่อยอดโครงการมิกซ์ยูสของเซ็นทรัลพัฒนาในครั้งนี้จะส่งผลบวกต่อแผนการพัฒนาดังกล่าวของกระทรวงฯ ได้เป็นอย่างดี รวมถึงช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและประเทศต่อไป
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์
นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน)หรือ CPN กล่าวว่า ภายใต้วิสัยทัศน์ Imagining better futures for all เซ็นทรัลพัฒนาเป็นพลังขับเคลื่อนประเทศในทุกๆ ด้านมาโดยตลอด ทั้งนี้บริษัทฯมุ่งมั่นส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับมหภาคและพัฒนาชุมชนไปพร้อมกันทั่วประเทศ ดังเช่นที่ธุรกิจศูนย์การค้าเซ็นทรัลได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับการขยายธุรกิจโรงแรมจะเป็นแรงขับเคลื่อนในระดับประเทศเช่นเดียวกัน โดยในแผนระยะเวลา 5 ปี (2565-2569) CPN ตั้งเป้าจะขยายโรงแรมควบคู่ไปกับการพัฒนาห้างสรรพสินค้าและคอนโดฯ รวม 37 แห่ง ใน 27 จังหวัด รวมกว่า 4,000 ห้อง มูลค่าการลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท ภายใต้ 3 แบรนด์ คือ CENTARA จำนวน 4 แห่ง  ,CENTARA ONE จำนวน 8 แห่ง และ GO! HOTEL จำนวน 25 แห่ง จากปัจจุบันที่ CPN มีโรงแรมที่พัฒนาเองอยู่แล้ว 2 แห่งคือ โรงแรมเซ็นทาราและคอนเวนชันเซ็นเตอร์ อุดรธานี และ โรงแรมฮิลตัน พัทยา ขณะนี้อยู่ในระหว่างการปรับปรุงทั้ง 2 แห่ง โดยใช้งบประมาณกว่า 600 ล้านบาท

ภายในปี 2569 บริษัทฯจะสร้างมาตรฐานแห่งการพักอาศัยในโรงแรมทุกแห่ง เพื่อให้โครงการโรงแรมของบริษัทฯเป็นเดสติเนชั่นอันดับ 1 ในด้านการเดินทางภายในประเทศ บุกเบิก “เศรษฐกิจการเดินทาง”(Travel Ecosystem) ด้วย 3 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่

1.Complete Travel Ecosystem: มองธุรกิจโรงแรมมากกว่าการท่องเที่ยว แต่คือการเดินทางที่จะตอบโจทย์นักเดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติได้ในทุกจุดประสงค์ ทั้งการเดินทางเพื่อท่องเที่ยวพักผ่อน, เพื่อการติดต่อธุรกิจ, หรือเพื่อการทำงาน และพักอาศัย หรือการผสมผสานทุกจุดประสงค์เข้าหากัน

2.Create new standard of travel lifestyle: สร้างมาตรฐานการพักโรงแรมทั่วประเทศ ด้วยแบรนด์โรงแรมครอบคลุมทุกเซกเมนต์ พร้อมการ Synergy กับธุรกิจในกลุ่มเซ็นทรัลพัฒนา และในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป

3.Co-Creating with Communities: ผนึกกำลังชุมชน ส่งเสริมอัตลักษณ์ ต่อยอดและกระจายรายได้สู่ธุรกิจในท้องถิ่น

 

“ทุกจังหวัดในประเทศไทยมีศักยภาพในการรองรับการเดินทางเพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ อยู่แล้ว ซึ่งการขยายโครงการโรงแรมรวมถึงต่อยอดโครงการมิกซ์ยูสของเซ็นทรัลพัฒนาในครั้งนี้เชื่อว่าจะส่งผลเชิงบวกต่อการเดินทาง ทำให้คนไทยมี Destination ในการเดินทางใหม่ๆ มากขึ้น รวมถึงชาวต่างชาติมีตัวเลือกของการพักอาศัยที่หลากหลายมากขึ้นอีกด้วย” นางสาววัลยา กล่าว

นายภูมิ จิราธิวัฒน์
ด้านนายภูมิ จิราธิวัฒน์ หัวหน้าฝ่ายอสังหาริมทรัพย์กลุ่มโรงแรม (Head of Hotel Property) บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน)หรือ CPN กล่าวว่า ตลาดโรงแรมยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2555-2565 จะมีอัตราการเข้าพักเติบโต 10% ทุกปี เห็นได้จากในเดือนเมษายน 2565 ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวไทยมากถึง 30 ล้านคน เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเมษายน 2562 ที่มีนักท่องเที่ยวประมาณ 38 ล้านคน สะท้อนว่าการท่องเที่ยวในประเทศไทยฟื้นตัวได้ดีกว่าการท่องเที่ยวในต่างประเทศ

บริษัทฯได้เล็งเห็นโอกาสในการเข้ามาต่อยอดธุรกิจโรงแรมจากเดิมที่มีอยู่แล้ว  โดยมุ่งมั่นที่จะส่งเสริมศักยภาพของเมืองและจังหวัดต่างๆ สร้าง Big Impact ในระดับประเทศ ดังเช่นธุรกิจอื่นๆ ของเซ็นทรัลพัฒนา ด้วยจุดแข็งของธุรกิจโรงแรมที่มีทำเลดี, มีแบรนด์ที่ตอบโจทย์ทุกเซกเมนต์ และความร่วมมือกันในธุรกิจของเซ็นทรัลพัฒนาเองและในกลุ่มเซ็นทรัล ทำให้การมาพักอาศัยที่โรงแรมเป็น Seamless Journey ที่แตกต่างจากโครงการอื่นที่มีอยู่ในตลาด โดยพร้อมตอบโจทย์นักเดินทางครอบคลุมทุกเซกเมนต์ด้วย 3 แบรนด์  ได้แก่ “CENTARA” แบรนด์ระดับ Upscale ราคาเข้าพักประมาณ 2,000 บาท/คืน, “CENTARA ONE”แบรนด์ระดับ Lifestyle Midscale ราคาเข้าพักประมาณ 1,700 บาท/คืน โดยทั้งสองแบรนด์นี้ยังเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯได้นำคอนเซ็ปต์ “Bleisure” คือ Business + Leisure เพื่อตอบโจทย์ทั้งการพักผ่อนและการทำงานอีกด้วย ส่วนอีกแบรนด์หนึ่งคือ “GO! HOTEL” แบรนด์ระดับ Premium Budget  ราคาเข้าพักประมาณ 1,000 บาท/คืน โดยในระยะเวลา 2 ปีแรก ตั้งเป้าจะพัฒนาให้ได้ 10 แห่ง อาทิ นครราชสีมา อุดรธานี อุบลราชธานี พระนครศรีอยุธยา ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เป็นต้น

สำหรับโครงการแรกที่พร้อมเปิดตัวในเดือนกันยายน 2565 นี้คือ Centara Korat ซึ่งจะเป็นเครือโรงแรม (Chain Hotel) ระดับ International แห่งแรกของเมือง มีจำนวน 218 ห้องพัก มูลค่าการลงทุนมากกว่า 500 ล้านบาท โดยนครราชสีมา(โคราช) ถือเป็น Gateway ไปสู่ภาคอีสานซึ่งเซ็นทรัลพัฒนาได้บุกเบิกโครงการมิกซ์ยูส “เซ็นทรัล โคราช” เอาไว้แล้ว  โดยพบว่าตลาดโรงแรมในจังหวัดนี้ยังมีโอกาสเติบโต และการเข้าพักอาศัยเฉลี่ยมีแนวโน้มที่จะนานขึ้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นชาวจังหวัดนครราชสีมา, นักเดินทางจากจังหวัดอื่นทั้งแบบเดินทางคนเดียวและแบบครอบครัว และที่น่าสนใจคือกลุ่มเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจ และนักธุรกิจที่มีเป้าหมายในจังหวัดอื่นๆ เช่น บุรีรัมย์, อุดรธานี และขอนแก่น เป็นต้น

“สาเหตุที่เราเลือกเปิดโรงแรมที่นครราชสีมา เพราะเห็นว่ามีนิคมอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก และสัดส่วน 50% พบว่าจะพักอาศัยในจังหวัดนี้กันมาก โดยพักโรงแรมประมาณ 2-4 คืน อีกทั้งที่ผ่านมายังไม่มีโรงแรมไหนที่เป็นมาตรฐานระดับนานาชาติ เราจึงได้เปิดตัวโรงแรม Centara Korat ขึ้นมา” นายภูมิ กล่าว

นายภูมิกล่าวต่อไปว่า  นอกจากนี้ โครงการโรงแรม Centara Korat ยังเติมเต็มไลฟ์สไตล์การพักอาศัยและใช้บริการโรงแรม ตอบโจทย์ความต้องการต่างๆ ของลูกค้าในแบบ The best hotel and top dining destination in Korat ไม่ว่าจะเป็นการเข้าพักในห้องพักที่สามารถรองรับลูกค้าได้แบบ Multi-Generation, รองรับการจัดงานและการประชุมด้วยห้องที่มีฟังก์ชั่นครบครันทันสมัย, และครั้งแรกของการรับประทานอาหารใน “House of Kin” all-day & all-generations buffet, พร้อมเพลิดเพลินกับ Rooftop restaurant ที่มาพร้อมวิวเมืองโคราช และพลาดไม่ได้กับการช้อปปิ้งในศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช อีกทั้งยังมอบสิทธิประโยชน์ให้กับลูกค้าที่เป็นสมาชิก The 1 สามารถใช้คะแนนได้ทั้งในส่วนร้านอาหารในโรงแรม หรือแลกคะแนน The 1 เป็น Centara The 1 ได้ง่ายๆ ผ่าน The 1 Application ในการชำระค่าห้องพักได้อีกด้วย

นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์
ด้านนายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างเซ็นทาราและเซ็นทรัลพัฒนาฯ ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งยิ่งใหญ่ในเครือเซ็นทรัลกรุ๊ป ที่จะช่วยสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับธุรกิจโรงแรมและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ หลายปีที่ผ่านมา เซ็นทาราได้ร่วมมือกับเซ็นทรัลพัฒนาในการบริหารและเปิดให้บริการโรงแรม “Centara Hotel & Convention Centre Udon Thani” และนับต่อไปจากนี้  มีความยินดีที่จะได้ทำงานร่วมกับเซ็นทรัลพัฒนาในโครงการใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจให้เติบโตควบคู่กันไป อีกทั้งยังตรงตามกลยุทธ์ด้านการเติบโตของเซ็นทารา ที่มุ่งมั่นมอบประสบการณ์การเข้าพักที่แสนอบอุ่น ให้กับนักเดินทางทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ในหลากหลายจุดหมายปลายทางทั่วประเทศ โดยสำหรับในปีนี้ จะเริ่มต้นจาก โรงแรม“Centara Korat” ที่เราจะร่วมกันพัฒนาให้เป็น The Place to Be และเป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่ง ตอบโจทย์ทุกความต้องการของนักเดินทาง ด้วยมาตรฐานและการให้บริการระดับ International Standard ของเซ็นทารา ควบคู่ไปกับความเชี่ยวชาญของเซ็นทรัลพัฒนา ในด้านการพัฒนาโครงการให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการของพื้นที่แต่ละแห่งได้อย่างดีเยี่ยม และยินดีที่การจับมือร่วมกันในวันนี้ จะนำไปสู่การพัฒนาโครงการต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นในอีก 5 ปีนับจากนี้

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*