บสก.เผยยังมี NPA ในพอร์ตอีกกว่า 7 หมื่นล้านบาท ระบุบ้านมือสอง-ที่ดินเปล่า ทำยอดขายได้ตามเป้า ส่วน NPL ยังหนักสาหัส เดินหน้าจับมือพันธมิตรหลายองค์กร เพิ่มช่องทางการขายบ้านมือสอง คาดหวังค่าเงินบาทอ่อนตัว เงินต่างประเทศแข็งค่า ช่วยดึงนักลงทุนต่างชาติตบเท้าซื้อทรัพย์มากขึ้น
นายบัณฑิต อนันตมงคล
นายบัณฑิต อนันตมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) หรือ บสก.(BAM) เปิดเผยว่า ปัจจุบันบสก.มีทรัพย์รอการขาย(NPA)รวม 2.17 หมื่นรายการ มีมูลค่า 7.08 หมื่นล้านบาท ยังเหลืออยู่ในพอร์ตอีก 7 หมื่นกว่าล้านบาท โดยบ้านมือสอง และที่ดินเปล่า มียอดขายที่ดีมาก ถือว่าบรรลุเป้าหมาย ส่วนของสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL)ถือว่ายังหนัก ส่วนสินทรัพย์รอการขาย (NPA) ยังพอยังขายได้อย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงวิกฤติจากการแพร่ะระบาดของโควิด-19 ต่อเนื่องด้วยเศรษฐกิจโลกกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ช่วงแรกเกิด NPA ในระบบแบงก์เป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่จากสินเชื่อSME ที่นำบ้าน ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ไปค้ำประกันไว้ และกลายเป็นสินทรัพย์เข้ามาที่บสก. แต่ได้ชะลอตัวลงในช่วงหลัง

โดยปัจจุบันคนมีอาชีพอิสระมาก สถาบันการเงินจึงปฏิเสธสินเชื่อมาก แต่ข้อดีของบ้านมือสองคือมีราคาถูกกว่าบ้านมือหนึ่งมาก เพราะขายต่ำกว่าราคาประเมินและมักจะอยู่ในทำเลที่มีเพื่อนบ้านแล้ว ซึ่งสามารถเลือกดูได้ หากดูจากประสบการณ์พบว่าที่ดินเปล่าขายดีมาก คนซื้อเก็บมากเพราะดอกเบี้ยต่ำ บ้านมือสองก็เช่นกัน คนมาซื้อมาก เพราะดอกเบี้ยต่ำ หากซื้อช่วงนี้ภาระค่างวดก็จะต่ำไปด้วย สถานการณ์ตอนนี้ Cryptocurrency หายไป แต่บ้านรูปแบบวิลล่าก็เริ่มกลับมา คิดว่าบสก. ต้องกลับไปดูอากัปกริยาทั้งตลาด แต่อย่างไรก็ตาม โปรโมชั่นของบสก. จะควบคุมไปกับสถาบันการเงิน ซึ่งการขายจะมีหลากหลายช่องทาง โดยเฉพาะการขายผ่าน Shopee ได้รับการตอบรับดีมาก และที่ผ่านมาก็มีการเซ็นสัญญาร่วมมือกับบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ก็คาดหวังว่าจะมีลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นในทุกๆช่องทางการขาย โดยพยายามคิดว่า “คู่แข่งเราก็คือคู่ค้าเรา” จะทำให้เกิดความร่วมมือทางภาคอสังหาฯ ก็จะทำให้ต้นทุนลดลง และทำให้ราคาขายลดลงด้วย

“ช่วงโควิด-19 บ้านเดี่ยวจะขายดีมากขึ้น เพราะฉะนั้นแนวรุกของเรา คือการไปร่วมมือกับคู่ค้าที่รีโนเวทได้ คือ SCG และการร่วมมือกับนักลงทุนรายย่อยที่จดทะเบียนมากกว่า 1,000 รายแล้ว โดยซื้อไปแล้วเอาไปรีโนเวทเพื่อขายหรือปล่อยเช่าในระยะยาว ซึ่งนักลงทุนเหล่านี้จะมีความชำนาญในพื้นที่ของตน” นายบัณฑิต กล่าว

สำหรับประเด็นที่ชาวต่างชาติไม่สามารถเข้าประเทศมาได้นั้น ก็มีผลต่อทรัพย์ของ บสก.เหมือนกัน เฉกเช่นในอดีต เมื่อครั้งมีทัวร์ศูนย์เหรียญชาวจีนเข้ามา ได้มีนายหน้าเข้ามาเช่าห้องชุด แล้วให้บริการลูกค้าจีน แต่เมื่อคนจีนไม่สามาถเดินทางเข้าประเทศมาได้ ก็เกิดการไม่จ่ายเงิน ส่งผลให้ห้องหลุดไป แต่ปัจจุบันในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ได้เผชิญกับปัญหาชาวต่างชาติรายใหญ่เข้ามาซื้อธุรกิจโรงแรม โรงงาน มาซื้อโดยร่วมกับผู้ลงทุนไทย ในการเข้ามาซื้อ แต่ยังมีการกดราคาอยู่ และพอค่าเงินบาทอ่อนตัวลง เงินต่างประเทศแข็งค่า ก็จะยิ่งเข้ามาซื้อทรัพย์มากขึ้น

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*