แอสเสท เวิรด์ฯเผยแผนลงทุน 5 ปี ทุ่ม 1 แสนล้านบาท ขยายโครงการใหม่ซื้อกิจการใหม่ปรับปรุงรร.ในพอร์ต ปลื้มรับอานิสงส์เอเปค ยอดจองห้องพัก 8 แห่งในกทม.พุ่งพรวดถึง 90% ขณะที่โรงแรมต่างจังหวัด ยอดจองล่วงหน้ายาวถึงกลางปี 66 ล่าสุดผนึก ททท.เดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวยั่งยืน เตรียมยกระดับมาตรฐาน “SHA” พร้อมชูประเทศไทยก้าวสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก ประกาศกรอบการดำเนินงานเป้าหมายด้านความยั่งยืนขององค์กร สานต่อความมุ่งมั่นในพันธกิจสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า
นางวัลลภา ไตรโสรัส
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยถึงแผนการลงทุนระยะ 5 ปี(2565-2569) คิดเป็นเม็ดเงินประมาณ 100,000 ล้านบาท ซึ่งจะใช้สำหรับพัฒนาโครงการต่อเนื่อง 15 โครงการ คิดเป็นมูลค่าลงทุนรวมประมาณ 60,000 ล้านบาท ส่วนอีก 40,000 ล้านบาท จะมองโอกาสในการเข้าซื้อกิจการ รวมถึงการลงทุนปรับปรุงโรงแรมในพอร์ต และอื่นๆ ในอนาคตด้วย โดยทุกโครงการที่ลงทุนใหม่จะเน้นการพัฒนาสู่ความยั่งยืน แต่อย่างไรก็ตามจากการที่ดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้นนั้นทำให้ต้องบริหารต้นทุนและกระแสเงินสดด้วย

ด้านแหล่งเงินทุนบริษัทเชื่อว่าจะยังมีเพียงพอสำหรับการขยายพอร์ตตามแผน โดยจะมาจากกระแสเงินสดที่มีในมือ อีกทั้งยังมีวงเงินกู้ที่พร้อมเบิกจ่ายได้ทันทีอีกประมาณ 30,000 ล้านบาท

นางวัลลภา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบัน AWC มีโรงแรมภายใต้การบริหาร จำนวนกว่า 5,000 ห้องซึ่งปัจจุบันมีราคาค่าห้องพักเฉลี่ย (ADR) ที่อยู่ที่ 4,900 บาทต่อคืนต่อห้อง เพิ่มขึ้นจากปี 2562 ซึ่งเป็นปีก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีอัตรา ADR ที่ 4,200 บาทต่อคืนต่อห้อง ขณะที่ Occupancy (OCC) อัตราการเข้าพัก ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 60% จากช่วงต้นปีที่ระดับ 30% และในช่วงก่อนการประชุมการความร่วมมือทางเศรษฐกิจ (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC)ที่จะเกิดขึ้นในช่วงวันที่ 18-19 เดือนพฤศจิกายน 2565 นี้ พบว่าโรงแรมในเครือ AWC ที่อยู่ในพื้นที่ กทม. จำนวน 8 แห่ง จำนวน3,228 ห้องพัก คือ Bangkok Marriott Marquis Queen’s Park,The Okura Prestige,The Athenee Hotel,A Surawongse,Hilltion BKK,Double Tree BKK,Le Meridien Bangkok และ Holiday In n Express มียอดจองล่วงหน้าเพิ่มขึ้นถึง 90% เพื่อเตรียมงานจัดประชุมสัมมนาล่วงหน้า ขณะที่โรงแรมในต่างจังหวัด ก็มียอดจองล่วงหน้ายาวถึงกลางปี 2566

สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานในปี 2566 เชื่อมั่นว่ามีโอกาสเติบโตได้เท่ากับกับปี 2562 โดยมีปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศของจีน ประกอบกับการขยายพอร์ตของธุรกิจโรงแรมและการปรับปรุงโรงแรมในพอร์ตของ AWC เพื่อเตรียมพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวที่จะกลับมา

ล่าสุดได้ร่วมมือกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.)มุ่งมั่นในพันธกิจสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า เพื่อส่งมอบคุณค่าให้กับผู้เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยอย่างยั่งยืนและ เชื่อมั่นว่าการรวมพลังและความร่วมมือจากทุกภาคส่วนจะสามารถร่วมขับเคลื่อนประเทศไทยไปสู่การเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้ เป็นส่วนสำคัญในการผลักดันและเป็นศูนย์กลางรวบรวมผู้ประกอบการทั้งหมดมาร่วมสร้างคุณค่าให้กับการท่องเที่ยวยั่งยืนของไทยไปด้วยกัน รวมทั้ง AWC ได้ร่วมวิสัยทัศน์ความยั่งยืนกับพันธมิตรภาคเอกชน สถาบันการเงินชั้นนำ และเครือโรงแรมระดับโลก อาทิเครือแมริออท บันยันทรี โอกุระ ฮิลตัน IHG และมีเลีย ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวยั่งยืนและร่วมผลักดันเพื่อสร้างเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง รวมถึงภาคประชาสังคมและชุมชน เพื่อโครงการต่างๆ ยังอยู่ระหว่างการพัฒนาต่อเนื่อง เพื่อความยั่งยืนในระยะยาว

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา AWC มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจตามแผนกลยุทธ์ความอย่างยั่งยืนตลอดการะบวนการดำเนินงาน และโครงการต่างๆ ของ AWC อาทิ โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล แบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล ได้เป็นโรงแรมแห่งแรกของโลกที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 20121 ซึ่งเป็นมาตรฐานด้านการจัดงานอย่างยั่งยืน ซึ่ง AWC และพันธมิตรจากภาคส่วนต่างๆที่จะร่วมผนึกกำลังสร้างคุณค่าที่ยั่งยืนร่วมกันในกรอบการดำเนินงานการพัฒนาอย่างยั่งยืน 3 เสาหลัก 6 มิติ หรือ 3BETTERs ได้แก่ 

1.สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น (BETTER PLANET) การผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการดำเนินธุรกิจตามแนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียน(Circular Economy) ตั้งแต่กระบวนการวางแผนและก่อสร้าง การจัดการ และการบริหารงานด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรในการบูรณาการกรอบแนวคิดในระดับสากลเข้ามาใช้ในการพัฒนาโครงการตามมาตรฐานอาคารสีเขียว ทั้งผู้ผลิตวัสดุอุปกรณ์ ผู้รับเหมา ที่ปรึกษาโครงการ และอื่นๆ ต่อเนื่องถึงพันธมิตรในด้านการจัดการและบริหารการดำเนินงานที่จะร่วมรวมพลัง เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

2.คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น (BETTER PEOPLE) การพัฒนาบุคคลากรทั้งภายในและภายนอกองค์กร การยกระดับการดำเนินงานด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย และการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีของสังคมและชุมชน ผ่านความร่วมมือกับชุมชนท้องถิ่นในการเสริมสร้างความรู้และพัฒนาอาชีพ เพื่อสร้างรายได้อย่างยั่งยืนผ่านโครงการเดอะGALLERY” ที่มุ่งจัดจำหน่ายสินค้าฝีมือคนในชุมชน อีกทั้งยังเป็นอีกช่องทางที่ช่วยชุมชนเพิ่มมูลค่างานศิลปะ ซึ่ง AWC ตั้งใจขอชวนพันธมิตรและชุมชนติดต่อ เดอะ GALLERY เพื่อเพิ่มสินค้าและผลงานศิลปะเพื่อเป็นช่องทางการขาย ผ่านโครงการต่างๆ ของ AWC ทำการตลาดถึงลูกค้าจากทั่วโลก

3.เศรษฐกิจที่ดีขึ้น (BETTER PROSPERITY) การผลักดันให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและกระตุ้นความเจริญรุ่งเรืองทางเศรษฐกิจในวงกว้าง โดยวางแผนกลยุทธ์องค์กรให้สอดคล้องกับแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ผ่านการลงทุนพัฒนาบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่หลากหลายของบริษัทฯ สร้างงาน สร้างรายได้สู่ชุมชนและธุรกิจท้องถิ่น สร้างคุณค่าทวีคูณและธุรกิจองค์รวม (Ecosystem) ที่แข็งแกร่ง เพื่อยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก อีกทั้งส่งเสริมให้เศรษฐกิจประเทศเติบโตอย่างก้าวกระโดด

AWC ตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวยั่งยืน และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมผนึกกำลังกับ ททท. และพันธมิตรตลอดห่วงโซ่คุณค่าเพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวยั่งยืน ยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก และสร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่าให้กับประเทศไทย ซึ่งทาง AWC ร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วนและเครือโรงแรมระดับโลกพร้อมตั้งเป้านำกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการในเครือทั้งหมดผ่านการรับรองมาตรฐาน“SHA” ด้านส่งเสริมท่องเที่ยวยั่งยืนของ ททท. รวมไปถึงเป้าหมายผลักดันความเป็นกลางทางคาร์บอน และไม่มีขยะฝังกลบจากการดำเนินงาน ภายในปี 2573” นางวัลลภา กล่าว

ปัจจุบัน พอร์ตโฟลิโอของ AWC ประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ 19 แห่ง กลุ่มศูนย์การค้า 9 แห่ง กลุ่มอาคารสำนักงาน 4 แห่ง และกลุ่มธุรกิจค้าส่ง 2 แห่ง รวม 34 แห่ง และอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการใหม่อีก 15 โครงการ รวมถึงโครงการอินเตอร์คอนติเนนตัลเชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล โรงแรม อินน์ไซด์ กรุงเทพ สุขุมวิท ซึ่งถือเป็นโครงการที่ก่อสร้างโดยคำนึงถึงมาตรฐานอาคารสีเขียว และได้รับการรับรองมาตรฐาน EDGE ซึ่งเตรียมเปิดให้บริการภายในต้นปี 2566 AWC ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนาโครงการภายใต้แผนกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานการรับรองอาคารสีเขียวที่ให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรจากพื้นฐาน อาทิ โครงการอควาทีค เดอะบีชฟรอนท์ พัทยา ซึ่งตั้งเป้าให้ได้รับการรับรอง LEED ภายในปี 2569 และโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ส่วนต่อขยายที่ตั้งเป้าให้ได้รับการรับรอง LEED & WELL ภายในปี 2572

AWC ดำเนินงานภายใต้กรอบการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อเนื่อง และ AWC ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของมาตรฐานยั่งยืน (Sustainability Index) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ อาทิ การได้รับการคัดเลือกเข้าสู่รายชื่อหุ้นยั่งยืน Thailand Sustainability Investment (THSI) ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การได้รับการประเมินจาก MSCI ESG Rating ในระดับ “AA” และได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืนของ S&P (จากรายงาน The Sustainability Yearbook 2022) ของกลุ่มอุตสาหกรรมโรงแรม รีสอร์ท และเรือสำราญ รวมถึงการได้รับการจัดอันดับรายงานการกำกับดูแลกิจการ ในระดับดีเลิศ” (Excellence CG Scoring) และได้รับการรับรองให้เป็นแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต (CAC)

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*