โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ บริษัทรับบริหารโรงแรมครบวงจรสัญชาติญี่ปุ่น เปิดตัวโครงสร้างธุรกิจใหม่ ให้บริการบริหารจัดการโรงแรมภายใต้แบรนด์ โคโคเทล,วิฟเทล,บาย โคโค และภายใต้แบรนด์เจ้าของโรงแรมเอง ด้วยโมเดล Centralized Operation พร้อมเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์ม ‘โคโค รีวอร์ด’ ลอยัลตี้โปรแกรมเพื่อมอบสิทธิประโยชน์กลับคืนให้ทั้งแขกผู้เข้าพักและเจ้าของโรงแรม

นายเรย์ มัทสึดะ ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหาร บริษัท โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทเริ่มต้นลงทุนธุรกิจในปี 2558 จากการบริหารโรงแรมแบรนด์โคโคเทล และต่อยอดขยายธุรกิจให้ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งในส่วนงานบริหารโรงแรมแบบครบวงจร ด้วยระบบการจัดการโรงแรมจากส่วนกลาง (Centralized and Property Operation Management) รวมถึงบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจโรงแรม จนสามารถพัฒนาแบรนด์โรงแรมใหม่ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของโรงแรมในทุกเซกเม้นต์

ปัจจุบันบริษัทมีโรงแรมที่บริหารในมือมากกว่า 20 แห่งในประเทศไทย พร้อมจัดตั้งบริษัทรับบริหารโรงแรมครบวงจรในชื่อบริษัท โคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด พร้อมวางโครงสร้างธุรกิจใหม่ในด้านบริการบริหารโรงแรมภายใต้แบรนด์โคโคเทล ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3 ดาว ในคอนเซปต์ Bed & Café สำหรับลูกค้ากลุ่มเพื่อนและครอบครัว

แบรนด์วิฟเทล โรงแรมไลฟ์สไตล์ระดับ 4 ดาว รองรับความต้องการสำหรับคู่รัก และแบรนด์บาย โคโค ให้บริการบริหารจัดการโรงแรมแบบครบวงจร ภายใต้แบรนด์ของเจ้าของโรงแรมและแขกผู้เข้าพักสามารถเข้าร่วมลอยัลตี้โปรแกรมโคโค รีวอร์ดที่กำลังพัฒนาอยู่ได้ด้วย

นอกจากนี้เพื่อให้บริษัทมีมาตรฐานการบริหารโรงแรมและให้คำปรึกษาแบบมืออาชีพ จึงได้ออกแบบโมเดลธุรกิจที่เรียกว่าการบริหารโรงแรมแบบจัดการจากส่วนกลาง หรือ Centralized and Property Operation Management โดยจะรวมการจัดการไว้ที่สำนักงานใหญ่ ทั้งแผนกการขาย แผนกสำรองห้องพัก แผนกการตลาด แผนกจัดการรายได้ แผนกจัดซื้อ แผนกบัญชี และแผนกไอที เพื่อบริหารโรงแรมในเครือทั้งหมด ส่วนพนักงานที่อยู่ประจำที่โรงแรมจึงเป็นพนักงานที่เกี่ยวข้องกับงานส่วนปฏิบัติการเท่านั้น อาทิ แม่บ้าน เชฟ       ช่างซ่อมบำรุง พนักงานต้อนรับ โดยจะมี Resident Master ทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างสำนักงานใหญ่

ทำให้ช่วยลดต้นทุนจากการว่าจ้างพนักงานและสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้กับเจ้าของโรงแรม ตอบโจทย์โรงแรมขนาดกลาง ที่มีจำนวนห้องพักอยู่ระหว่าง 50-200 ห้อง   ซึ่งแตกต่างจากการบริหารโดยแบรนด์โรงแรมขนาดใหญ่ที่มีค่าบริการส่วนบริหารงานและมีค่าต้นทุนคงที่จากการว่าจ้างพนักงานประจำในโรงแรมสูง

ขณะดียวกันยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของแขกผู้มาใช้บริการ ด้วยการพัฒนาแพลตฟอร์มโคโค รีวอร์ด ลอยัลตี้โปรแกรมที่ให้ทุกแบรนด์ภายใต้การบริหารของโคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ สามารถเข้าร่วมได้ทั้งหมด โดยแขกผู้เข้าพักจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ จากการเข้าพักโรงแรมในเครือกว่า 2,000 ห้อง ในขณะที่เจ้าของโรงแรมจะได้รับกลุ่มลูกค้า Repetition Guest เพิ่มมากขึ้น    โดยคาดว่าจะเปิดใหเบริการโคโค รีวอร์ดในเร็วๆนี้

สำหรับเป้าหมายทางธุรกิจในปี 2566 บริษัทวางแผนจะรับบริหารโรงแรมเพิ่มอีก 8 แห่ง รวมเป็น 28 แห่ง และในปี 2570 จะเพิ่มพอร์ตโรงแรมไปสู่ระดับ 100 แห่ง โดยเน้นขนาดห้องพักอยู่ในระดับ 70-150 ห้องต่อโรงแรมกระจายทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด ส่วนแผนระยะยาว ภายในปี 2579 ตี่งเป้าจะเป็นแบรนด์บริหารโรงแรมระดับสากลใน 7 ทวีป 10ประเทศ และมีโรงแรมในเครือรวม 1,000แห่ง

นายโยชิคัตสึ ทามุระ ผู้อำนวยการ บริษัท Relo Group, Inc. หนึ่งในนักลงทุนของโคโค โกลบอล ฮอสพิทอลลิตี้ กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นเมืองท่องเที่ยวและเป็นหนึ่งในจุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ หลังจากภาครัฐได้ดำเนินนโยบายเปิดประเทศเอช่วยให้ธุรกิจท่องเที่ยวไทยเติบโตทั้งในเมืองหลักและเมืองรอง สร้างผลดีต่อธุรกิจโรงแรม อีกทั้งโรงแรมขนาดกลางจำนวนห้องพัก 50-200 ห้อง ยังเป็นตลาดที่ไม่มีกลุ่มทุนโรงแรมขนาดใหญ่เข้ามาแข่งขัน ซึ่งโมเดลธุรกิจ  Centralized and Property Operation Management เป็นโมเดลที่สามารถแก้ไขอุปสรรคด้านค่าใช้จ่ายและช่วยสนับสนุนเจ้าของโรงแรมกลุ่มนี้ได้ ทำให้มีช่องว่างในการเติบโตค่อนข้างมาก Relo Group จึงตัดสินใจร่วมลงทุนกับกลุ่มโคโค โกลบอล

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*