พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟคฯรุกสร้างการเติบโตบริษัทฯทุกมิติ ผ่านการขับเคลื่อน
3 ปัจจัยหลัก ทั้งโครงการแนวราบการร่วมทุนโรงแรม และธุรกิจใหม่หวังสร้างรายได้ระยะยาวตั้งเป้ารายได้รวมทั้งกลุ่ม 22,000 ล้านบาท และงบซื้อที่ดิน 1,000 ล้านบาท  ประกาศแผนปี 66 เปิด 14 โครงการใหม่ มูลค่า 17,700 ล้านบาท  เพิ่มกลุ่มบ้านระดับกลางที่มีกำลังซื้อหนาแน่น ปรับสัดส่วนยอดขายบ้านลักชัวรี่เปิดตัวแบรนด์ใหม่ หวังขึ้นแท่น 1 ใน 5 ของผู้นำตลาดบ้านระดับบน พร้อมเปิดคอนโดฯโครงการใหม่ในรอบ 4 ปี
นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้  เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาฯปี 2566 ว่า มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากปัจจัยบวกต่าง ๆ ทั้งสถานการณ์โควิด-19 ที่เริ่มคลี่คลาย,ภาพรวมเศรษฐกิจ ภาคธุรกิจและบริการมีแนวโน้มฟื้นตัว ทำให้กำลังซื้อเริ่มสูงขึ้น ขณะที่มาตรการกระตุ้นอสังหาฯของภาครัฐแม้ว่าจะไม่เท่าปี 2565 ที่ผ่านมา ก็ช่วยได้บ้างเล็กน้อย ซึ่งในส่วนของบริษัทเองก็อยากดำเนินธุรกิจด้วยตัวเองให้มากที่สุด เพราะการที่ภาครัฐปล่อยมาตรการออกมาช่วยอย่างต่อเนื่อง ก็หมายถึงว่าภาพรวมตลาดอสังหาฯยังไม่ดีขึ้น ด้านปัจจัยลบยังมีในเรื่องของหนี้สินครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ในขณะที่แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้น และต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้น รวมไปถึงภาวะเงินเฟ้อด้วย

สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2566 ว่า กลุ่มบริษัทมุ่งสร้างการเติบโตในทุกมิติ ทั้งด้านรายได้ การเพิ่มยอดขาย การพัฒนาสินค้าใหม่ รวมถึงการกระจายธุรกิจ  โดยการขยายตัวในปีนี้ มี 3 ปัจจัยหลักเป็นตัวขับเคลื่อน ได้แก่

-การขยายตัวจากโครงการแนวราบ ซึ่งถือเป็นจุดแข็งของบริษัท และจะรุกเปิดโครงการใหม่แนวราบเพิ่มเติม ซึ่งเป็นการเน้นบ้านเดี่ยว ส่วนทาวน์เฮาส์ มีการพัฒนาน้อยลง เพราะที่ผ่านมาลูกค้าส่วนใหญ่ประสบปัญหาไม่ผ่านการพิจารณาขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ทำให้มียอด Reject มาก ดังนั้นในปีนี้จะส่งผลให้ยอดขายจากโครงการแนวราบเพิ่มเป็นสัดส่วน 74% ของยอดขายรวม

-การขยายตัวจากโครงการร่วมทุน  ซึ่งในช่วงระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา ได้ร่วมทุนกับ 3 พันธมิตรต่างชาติ คือ กลุ่มฮ่องกง แลนด์,กลุ่มซูมิโตโม คอร์ปอเรชั่น และกลุ่มเซกิซุย  โดยปี 2566 นี้เป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวจากการลงทุนในโครงการร่วมทุน ทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม โดยรายได้จากโครงการร่วมทุนคิดเป็นสัดส่วน 30% ของรายได้รวม เป็นผลจากยอดขายที่เติบโตต่อเนื่อง และปีนี้ตั้งเป้ายอดขายโครงการร่วมทุนเติบโตขึ้น 62% จากปีก่อน

-ธุรกิจโรงแรม ของกลุ่มบริษัท ที่มีสัญญาณการฟื้นตัวชัดเจน คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรมในกรุงเทพคาดว่าจะทำรายได้เท่ากับปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 โดยโรงแรมในกลุ่มทั้งหมดคาดว่าจะมีอัตราเข้าพักรวมกันเฉลี่ยทั้งปีที่ 72%  นอกจากนี้ บริษัทยังมีการกระจายธุรกิจ ด้วยการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ และธุรกิจใหม่ๆเพื่อสร้างรายได้ระยะยาว ที่จะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2567 ด้วย

โดยปี 2566 นี้ ประมาณการรายได้รวมของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้ของพร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค 16,000 ล้านบาท และ บริษัทแกรนด์ แอสเสท จำกัด(มหาชน)6,000 ล้านบาท หรือแยกเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 9,600 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียม 3,000 ล้านบาท โครงการร่วมทุน 6,400 ล้านบาท และ ธุรกิจโรงแรม 3,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามในปีนี้บริษัทฯได้ตั้งงบในการซื้อที่ดินอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยเป็นการซื้อเพื่อเชื่อมต่อกับที่ดินแปลงเดิมให้เกิดความสวยงาม เหมาะสมกับการที่เปิดตัวโครงการนั้นๆ ขณะเดียวกันก็เดินหน้าขายที่ดิน 2 แปลงในย่านรามอินทรา และรามคำแหง ซึ่งมีผู้ประกอบการหลายรายให้ความสนใจที่จะซื้อที่ดิน แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ โดยตั้งเป้าในการขายที่ดินไว้ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท

นายวสันต์ ศรีรัตนพงษ์

นายวสันต์ ศรีรัตนพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มพัฒนาธุรกิจ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้  เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF  กล่าวว่า ในปี 2566 นี้ บริษัทฯมีแผนจะเปิดตัว 14 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 17,700 ล้านบาท เป็นบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด 9 โครงการ  มูลค่า 11,730 ล้านบาท ทาวน์โฮมและอาคารพาณิชย์ 3 โครงการ  มูลค่า 2,770 ล้านบาท โครงการร่วมทุนกับ “ซูมิโตโม ฟอเรสทรี” เพิ่มอีก 1 โครงการ มูลค่า 2,200 ล้านบาท และ คอนโดมิเนียม 1 โครงการ มูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยเป็นการเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ในรอบ 4 ปี

โดยแนวทางในปีนี้ จะเน้นการเพิ่มสินค้าในกลุ่มบ้านระดับบน ซึ่งเติบโตในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และยังเติบโตต่อเนื่อง โดยปีนี้ตั้งเป้ายอดขายบ้านกลุ่มลักชัวรี่ขึ้นมาอยู่ที่ 50% หรือ 5,000 ล้านบาท เป็น 1 ใน 5 ของผู้นำตลาดบ้านลักชัวรี่ ด้วยการเพิ่มสินค้าใหม่บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ทำเลในเมือง ปิดตัวบ้านลักชัวรี่ 3 ชั้นแบรนด์ใหม่ “วาวิล่า” รวมถึงยังมีแบบบ้านใหม่ทั้งในโครงการระดับบนของบริษัทและโครงการร่วมทุน สำหรับโครงการที่จะเปิดใหม่ จะเพิ่มน้ำหนักกลุ่มโครงการบ้านเดี่ยวระดับกลางมากขึ้น เพื่อขยายตลาดให้กว้างขึ้นในกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อหนาแน่น โดยโครงการบ้านเดี่ยวระดับกลางที่จะเปิดใหม่ปีนี้ มี 7 โครงการ มูลค่ารวม 10,930 ล้านบาท  ใน 2 แบรนด์หลัก คือ เพอร์เฟค เพลส และ เพอร์เฟค พาร์ค ปีนี้ยังมีการเปิดคอนโดมิเนียม Low-rise โครงการใหม่บนทำเลถนนพัฒนาการด้านหลังโรงพยาบาลสินแพทย์ พัฒนาการ กำหนดเปิดตัวในไตรมาส 2

ทั้งนี้ ยอดขายเกินกว่า 50% จะมาจากโครงการใน 4 โซนหลักทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของกรุงเทพ ได้แก่ กรุงเทพกรีฑา สุขุมวิท  77 ชัยพฤกษ์ และ ราชพฤกษ์  ในแต่ละทำเล บริษัทมีทั้งโครงการที่กำลังพัฒนาและการเปิดโครงการใหม่ รวมถึงมีแผนพัฒนาให้เป็นชุมชนในการอยู่อาศัยที่สะดวกสบาย นอกจากนี้บริษัทยังเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่ เพื่อเพิ่มมูลค่าและตอบโจทย์ทั้งเรื่องเทรนด์และพฤติกรรมของผู้บริโภค โดยนำเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมและสุขอนามัยมาใช้ในแบบบ้านใหม่ ไม่ว่าจะเป็น การติดตั้งโซลาร์รูฟเพื่อใช้ไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ การนำระบบสมาร์ทโฮมมาใช้เพื่อลดการสัมผัสเพื่อสุขอนามัยของผู้อยู่อาศัย รวมทั้ง การติดตั้ง EV Charger เพื่อรองรับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น

อย่างไรก็ตามในปี 2566 นี้บริษัทวางเป้าขายไว้ที่ 16,500 ล้านบาท จากโครงการแนวราบ 9,700 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียมทั้งในประเทศและประเทศญี่ปุ่น 2,400 ล้านบาท และโครงการร่วมทุนอีก 4,400 ล้านบาท

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*