เคทู เมดิคอลฯ ส่ง เคทู เอสธีติค ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามชั้นนำเปิดตัว “NHH”รุกตลาดความงามประเทศไทย พร้อมอัดงบหลักประมาณ 200-300 ล้านบาท วางแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่จากสารสกัดพืชไทยสู่ตลาดโลก เสริมความแกร่งช่องทางจัดจำหน่ายเข้มข้นทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ พร้อมสยายปีกขยายฐานลูกค้าอาเซียน จ่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯภายใน 4 ปี
นายไมเคิล เย่
นายไมเคิล เย่ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคทู เมดิคอล (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงามชั้นนำเปิดตัว “NHH” แบรนด์สกินแคร์สัญชาติไต้หวัน เปิดเผยถึง ภาพรวมตลาดสกินแคร์ยังคงเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างรายได้และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2564 มีมูลค่าตลาดรวม 8.34 หมื่นล้านบาทเติบโต 7-8% ขณะเดียวกันยังมีการแข่งขันที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของตลาดสินค้าเพื่อสุขภาพและความงามจากผู้เล่นทั้งแบรนด์ในประเทศและเคาน์เตอร์แบรนด์จากต่างประเทศ ที่มุ่งเน้นไปในทิศทางเดียวกันคือการพัฒนานวัตกรรมเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในแต่ละช่วงของอายุ ส่งผลให้ 5 ปีที่ผ่านมาตลาดสกินแคร์ขยายขอบเขตมากขึ้น แต่ผู้นำตลาดยังคงเป็นเคาน์เตอร์แบรนด์ต่างประเทศและ Organic Brand

ในปี 2566 นี้ บริษัท เคทู เมดิคอล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งมีบริษัทย่อย เคทู เอสธีติค เพื่อจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านความงาม จึงรุกเข้าสู่ตลาดสกินแคร์ในประเทศไทย โดยนำเข้าแบรนด์ NHH จากประเทศไต้หวันซึ่งมีส่วนผสมของสารสกัด LONICA เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะที่ช่วยให้ Sodium Hyaluronate ซึมลึกลงสู่ชั้นผิวชั้นใน ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งบริษัทได้รับสิทธิ์เป็นตัวแทนจัดจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทยจาก บริษัท บี แอนด์ เอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ไบโอเทค จำกัด เบื้องต้นจะทำตลาดใน 6 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ Hyaluronic Acid Treatment Essence ,Hyaluronic Acid Treatment Cream, Hyaluronic Acid Treatment Lotion, Hyaluronic Acid Skin Renewal facial wash, Hyaluronic Acid Energy Toner, Hyaluronic Acid Herbpro Acne เพื่อเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่และวัยรุ่น Y2K

“การมีผู้เล่นในตลาดจำนวนมากทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่ตอบโจทย์ปัญหาการดูแลผิวเฉพาะบุคคลและไลฟ์สไตล์ของตัวเองมากขึ้น ขณะเดียวกันผู้บริโภคก็พร้อมเปิดใจรับนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อการดูแลผิวพรรณของตัวเองให้ดูดีที่สุด บริษัทจึงมองว่าเป็นความท้าทายมากกว่าเป็นอุปสรรค เพราะปัจจุบันสกินแคร์ส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์นำเข้าจากอเมริกา ฝรั่งเศส ญี่ปุ่นและเกาหลี ดังนั้นการเปิดตลาดใหม่ภายใต้ผลิตภัณฑ์จากไต้หวัน จึงถือว่าเป็นโอกาสของบริษัทที่จะสร้างความแตกต่าง รวมถึงความน่าเชื่อถือและความมั่นใจให้ผู้บริโภค” นายไมเคิล เย่ กล่าว

Ms.Hsieh Hui-Ping 
Ms.Hsieh Hui-Ping ประธานบริษัท  บริษัท บี แอนด์ เอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล ไบโอเทค จำกัด ผู้คิดค้น และพัฒนา ผลิตภัณฑ์ด้านสุขภาพและความงาม จากธรรมชาติ อันดับหนึ่งในประเทศไต้หวัน กล่าวว่า B&M ก่อตั้งขึ้นในปี 2536 ภายใต้ความตั้งใจที่จะนำเสนอนวัตกรรม ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงและมีประสิทธิภาพที่มาจากธรรมชาติ โดยค้นหาส่วนผสมคุณภาพตามหลักปรัชญาที่ว่า “หากส่วนผสมนั้นเราสามารถกินได้ ก็ย่อมปลอดภัยที่จะใช้กับผิวของเรา” ซึ่งตลอดระยะเวลากว่า 30 ปีที่ผ่านมาได้ทำงานร่วมกับบริษัทที่ติดอันดับ Fortune 500, สถาบันของรัฐบาล และบริษัทสตาร์ทอัพด้านความงาม เพื่อค้นหาและสกัดส่วนผสมที่มีประสิทธิภาพควบคู่ไปกับการพัฒนาเทคโนโลยีการสกัดส่วนผสมจากพืชที่ได้รับสิทธิบัตรเป็นของตัวเอง และปัจจุบันบริษัทฯได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำในการช่วยลูกค้าของเราผลิตสูตรเฉพาะ และสร้างแบรนด์ผลิตภัณฑ์ดูแลความงามให้กลุ่มลูกค้าทั่วโลก

สำหรับ แบรนด์ NHH ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว และ A+ PERDU ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เป็นแบรนด์ที่มีความแข็งแกร่งและได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคเป็นอันดับต้นๆในประเทศไต้หวัน เนื่องจากเป็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ที่ส่วนผสมหลักคือสารสกัดที่มาจากธรรมชาติ 100% ตั้งแต่กระบวนการเพาะปลูก ตลอดจนกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้ได้รับความไว้วางใจจากผู้บริโภคชาวไต้หวันมายาวนาน รวมถึงเป็นตัวแทนของประเทศไต้หวันในการเข้าร่วมประชุม APEC  2022 ซึ่งจัดขึ้นในประเทศไทย

“การขยายตลาดมายังประเทศไทยครั้งนี้ เรามองว่าผลิตภัณฑ์เหมาะกับสภาพผิวและสามารถตอบโจทย์ความต้องการเรื่องการบำรุงผิวผู้บริโภคที่มองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้และสิ่งแวดล้อม แต่ยังไม่มีผลิตภัณฑ์จากไต้หวันในตลาดประเทศไทยมากนัก นี่จึงเป็นโอกาสสำหรับ NHH และ A+ PERDU จะเข้ามาสร้างความแปลกใหม่ให้ตลาดและเป็นทางเลือกที่ดีให้กับผู้บริโภค เราจึงเชื่อมั่นว่า K2 เอสธีติค จะสามารถทำให้แบรนด์ NHH และ A+ PERDU ติดตลาดและเป็นที่ชื่นชอบของผู้บริโภคชาวไทยได้ไม่ยาก” Ms.Hsieh Hui-Ping กล่าว

นายพีท เชียช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท 79 ยูนิ มายด์ จำกัด 

ด้าน นายพีท เชียช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท 79 ยูนิ มายด์ จำกัด ในฐานะผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ NHH กล่าวว่า ในปี 2566 นี้ บริษัทมีกลยุทธ์การดำเนินงาน 3 ด้าน ได้แก่

1.การสร้างแบรนด์และนำนวัตกรรมที่สกัดโดยพืชธรรมชาติให้ลูกค้าและผู้ที่กำลังมองหาสิ่งที่ตอบโจทย์ต่อการดูแล บำรุงผิวอย่างปลอดภัยมากที่สุด

2.สร้างพันธมิตรทางธุรกิจ เตรียมจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) กับบริษัทสัญชาติไต้หวันภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางเอเชียแปซิฟิก เพิ่มประสิทธิภาพในการขยายตลาด การสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ รวมถึงสร้างนวัตกรรมเพื่อขึ้นเป็นผู้นำเทรนด์ของผลิตภัณฑ์บำรุงและเส้นผมที่สกัดจากธรรมชาติ 100%

3.ขยายสินค้าในช่องทางอื่นๆ โดยในช่วง 3 เดือนแรกเริ่มจำหน่ายผ่านช่องทางของ Online ของบริษัท Platform ต่างๆ รวมถึง Market place ต่างๆ และเตรียมขยายช่องทางจำหน่ายในส่วนของ Retail Store เพื่อเติมในช่วงปลายปี ซึ่งจะเติมเต็ม Ecosystem ของบริษัทให้กลายเป็น One Stop Service ด้านบริการผลิตภัณฑ์บำรุงผิวและเส้นผม นอกจากผลิตภัณฑ์สกินแคร์ NHH แล้วในอนาคตอันใกล้ บริษัทมีแผนจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับ เส้นผมแบรนด์ A+PERDU และเปิดตลาดต่างประเทศโดยเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้านเช่น ลาว กัมพูชา มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม อีกด้วย

ทั้งนี้บริษัทได้วางงบลงทุนสำหรับปีนี้ประมาณ 200-300 ล้านบาท สำหรับการดำเนินงานใน 2 ส่วนคือ งบสำหรับการลงทุนสร้างศูนย์พัฒนาและวิจัยผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าแต่ละวัย รวมถึงผลิตภัณฑ์พิเศษสำหรับเทศกาลต่าง ๆ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มการพัฒนาผลิตภัณฑ์ช่วงไตรมาส 3 หรือ 4 ปี 2566 ภายใต้คอนเซ็ปต์ “สวยจากภายในสู่ภายนอก” ตั้งแต่การสร้างวิตามิน สร้างเซลล์จากภายในร่างกายและบำรุงภายนอกด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีความยั่งยืนและปลอดภัย เพื่อเป็นผู้นำในด้านผลิตภัณฑ์ที่สกัดจากธรรมชาติ 100% โดยเฉพาะสารสกัดจากพืชเมืองไทยเพื่อให้เป็นผลิตภัณฑ์เฉพาะของคนไทยส่งออกสู่ตลาดโลก สำหรับ ส่วนที่ 2 เป็นงบสำหรับการทำการตลาด สร้างแบรนด์และการขยายกลุ่มลูกค้า ภายใต้ 3 กลยุทธ์ดังกล่าว  นอกจากเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์ดูแลผิวจากสารสกัดธรรมชาติของเอเชียแปซิฟิกแล้วบริษัทฯยังเตรียมตัวเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯให้ได้ภายใน 4 ปี

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*