อัลติจูดฯเผยภาพรวมตลาดอสังหาฯยังมีความท้าทายจากปัจจัยลบ ระบุยุคใหม่ต้องดำเนินการในรูปแบบแพลตฟอร์ม ดันธุรกิจให้เติบโตแตกต่าง รุกเจาะกลุ่ม Wealth Segment ล่าสุดผนึก “ยูโอบี พริวิเลจ แบงก์กิ้ง” จัดงาน “The Beginning Of Heritage Legacy With The Collection” เปิดตัวโครงการ “เดอะ คอลเลคชัน ริเวอร์ฟร้อนท์ บาย อัลติจูด” ให้กับฐานลูกค้า ล่าสุดยอดขายแตะ 2 ยูนิต คาดปิดขายทั้งโครงการในปี 68 มั่นใจพร้อมนำบริษัทฯเข้าตลาด mai และขาย IPO ได้ในไตรมาส 2-4 ปี 67
นายชยพล หรรรุ่งโรจน์
นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ว่า ยังมีความท้าทายและอุปสรรคอยู่มาก โดยธุรกิจอสังหาฯยุคใหม่ต้องเป็นในรูปแบบของแพลตฟอร์ม เพื่อทำให้ธุรกิจเติบโตและมีความแตกต่างภายใต้วิกฤติและเศรษฐกิจ โดยเป็นทั้งผู้ลงทุนเอง เปิดรับผู้ร่วมทุนทั้งในรูปของเงินลงทุนและที่ดินที่มีศักยภาพ รวมถึงการรับบริหารจัดการเงินลงทุนแบบ Turnkey ซึ่งดำเนินการให้ตั้งแต่ศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุน การออกแบบโครงการ ว่าจ้างและควบคุมงานก่อสร้างตลอดจนจัดหาเงินทุนไปถึงขั้นส่งมอบโครงการให้แก่ผู้ซื้อโดยรูปแบบดังกล่าวบริษัทฯได้ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2561 แล้ว

โดยอัลติจูดฯมุ่งเน้นในการแก้ไขปัญหาของกลุ่มลูกค้าเพื่ออยู่อาศัย เเละนักลงทุน ทำให้กลุ่มลูกค้า Wealth Segment ที่มีความกังวล และความเสี่ยงในการลงทุน ได้แก่ ตลาดหุ้น ตลาดทุน หุ้นกู้ เเละอื่นๆ เห็นภาพว่าการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ เป็นเครือข่ายการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดและถือว่ามีความเสี่ยงต่ำในการลงทุนระยะยาว อัลติจูดฯจึงใช้โมเดลธุรกิจใหม่ในการพัฒนาโครงการ “เดอะ คอลเลคชัน ริเวอร์ฟรอนท์ บาย อัลติจูด’’ (The Collection Riverfront By Altitude) โครงการบ้านเดี่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งได้ซื้อที่ดินบนพื้นที่กว่า 5 ไร่ บริเวณถนนราษฎร์บูรณะ ซอย 1 เชื่อมต่อถนนเจริญนคร และพระราม 3 ยากแก่การครอบครองมาพัฒนาเอง เนื่องจากที่ผ่านมาที่ดินแปลงใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา(ตั้งแต่ไอคอนสยามราษฎร์บูรณะ 1) จะครอบครองโดย 4 ตระกูลใหญ่เท่านั้น

ซึ่งทำเลดังกล่าวถือเป็นโซนใกล้เมืองชั้นในติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา และมีอัตราการเติบโตสูงมากในกรุงเทพฯ จึงเป็นทางเลือกของกลุ่มนักลงทุนที่ชอบสะสมสินทรัพย์ในรูปแบบของอสังหาริมทรัพย์และที่ดินได้รับผลตอบแทนสูง และมีความเสี่ยงต่ำ ถือเป็นรูปแบบการลงทุนด้านความมั่งคั่ง
โครงการ “เดอะ คอลเลคชัน ริเวอร์ฟร้อนท์ บาย อัลติจูด” ดำเนินการในรูปแบบของบ้านเพื่อการลงทุน (Residence Unit Investment) โดยเป็นบ้านเดี่ยว 3-4 ชั้น ขนาดตั้งแต่ 81-221.5 ตารางวา ราคาขายเริ่มต้นที่ 115-515 ล้านบาท หรือ ราคาเริ่มต้นที่ 160,000 – 270,000 บาท/ตารางเมตร จำนวนเพียง 11 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 2,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นบ้าน 3 ชั้น ติดแม่น้ำเจ้าพระยา จำนวน  4 หลัง ขนาดพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 1,280-1,580 ตารางเมตร  และอีก 7 หลัง เป็นบ้านขนาดพื้นที่ใช้สอย 670-735 ตารางเมตร โดยออกแบบให้บ้านทุกหลังสามารถรับวิวแม่น้ำ ล่าสุดมียอดขายแล้ว 2 ยูนิต

โดยในวันที่ 27 มิถุนายน 2566 ที่ผ่านมา บริษัทฯได้ร่วมกับ ยูโอบี พริวิเลจ แบงก์กิ้ง จัดงาน “The Beginning Of Heritage Legacy With The Collection” เปิดตัวโครงการ “เดอะ คอลเลคชัน ริเวอร์ฟร้อนท์ บาย อัลติจูด” ให้กับฐานลูกค้าเวลธ์ของยูโอบี ทั้งนี้ปัจจุบันโครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้างบ้านตัวอย่างคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้เข้าชมบ้านจริงได้ในกลางปี 2567 และคาดหวังจะสร้างเสร็จและปิดการขายทั้งโครงการในปลายปี 2568

“ภายใต้สภาะปัจจุบันที่เงินล้นระบบ ทำให้กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง (เวลธ์) ในไทยซึ่งมีจำนวนหลายหมื่นคน ที่ขณะนี้เริ่มไม่เชื่อมั่นการลงทุนในตลาดหุ้น ตลาดทุน โดยเฉพาะหุ้นกู้ ซึ่งแม้ให้ผลตอบแทนปีละ 6-7% แต่มีความเสี่ยง ขณะที่การลงทุนในอสังหาฯ ยังมีที่ดินเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งนอกจากเงินต้นไม่หายแล้ว สำหรับที่ดินริมน้ำยังได้ผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของราคาที่ดิน 15-20% ต่อปีด้วย และยังถือเป็นการลงทุนที่ส่งต่อความมั่งคั่งจากรุ่นสู่รุ่นได้ด้วย และเมื่อเทียบกับราคาคอนโดมิเนียม ระดับอัลตร้า ลักชัวรี่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีทั้งแบบขายขาด ปัจจุบันอยู่ที่ 600,000 บาท/ตารางเมตร และเช่าระยะยาวอยู่ที่ 450,000 บาท/ตารางเมตร ขณะที่บ้านของบริษัทฯราคาเริ่มต้นที่ 160,000-270,000 บาท/ตารางเมตร ก็สามารถเป็นเจ้าของทั้งบ้านและที่ดินริมน้ำ ซึ่งในระยะอีก 10 ปีข้างหน้ามีโอกาสเพิ่มมูลค่าขึ้นอีกไม่น้อยกว่า 2 เท่า ถือเป็นโอกาสของการซื้อสะสมเพื่ออยู่อาศัยเองและลงทุน” นายชยพล กล่าว

ปัจจุบันบริษัทฯมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา ขายและก่อสร้างรวม 11 โครงการ มูลค่ารวม 19,000 ล้านบาท อาทิ คอนโดมิเนียม โครงการอัลติจูด ยูนิคอร์น สาทร-ท่าพระ ,อัลติจูด ซิมโฟนี เจริญกรุง เป็นต้น ส่วนบ้านแนวราบ อาทิ อัลติจูด มาสเตอรี่ สุขุมวิท บ้านหรูราคา 30 ล้านบาท, อัลติจูด ฟอเรสต์ รัชดา และอัลติจูด ฟอเรสต์ อารีย์-โมนูเมนต์ ราคา 10-20 ล้านบาท เป็นต้น โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้ที่ 2,400 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2565 ที่มีรายได้ 1,400 ล้านบาท โดยมีผลกำไรอยู่ที่กว่า 100 ล้านบาท

พร้อมกันนี้บริษัทมีแผนจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai)และพร้อมขายหุ้นเพิ่มทุนให้ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในช่วงไตรมาส 2-4 ปี 2567 ปัจจุบันมีมูลค่าทางบัญชีที่ 1,500 ล้านบาท

“บริษัทฯ ยังเดินหน้าหน้าขยายการดำเนินงานในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยโมเดลธุรกิจใหม่อย่างต่อเนื่อง จากอัตราการเติบโตของกลุ่มผู้ซื้อที่มีความมั่งคั่งทางการเงิน ทั้งเพื่ออยู่อาศัยและลงทุนบนทำเลที่ดีที่สุด ที่สามารถสร้างผลตอบแทนระยะยาวได้ดี ซึ่งโครงการเดอะ คอลเลคชั่น ริเวอร์ฟรอนท์ บาย อัลติจูด’ นับเป็นโครงการแรกที่เป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญในการรุกแผนธุรกิจใหม่ของอัลติจูดอย่างเต็มตัว” นายชยพล กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*