เซ็นทรัลพัฒนาฯเดินหน้ารุกพัฒนาที่อยู่อาศัยรูปแบบ Retail-Led Mixed-Use Development ตามแผน ระบุพอร์ตในกทม.-ตจว.รวม 24 จังหวัด คาดปลายปี 66 ตัวเลขแตะ 34 โครงการ ด้านภาพรวมตลาดอสังหาฯภูเก็ตหลังวิกฤติโควิด-19 รับนิสงส์สงคราม ชาวรัสเซีย-ยูเครน แห่ซื้อที่อยู่อาศัยเพียบ ขณะที่ราคาที่ดินพุ่งสูงไม่หยุด ส่วน”ฟีล ภูเก็ต”ยอดขายเฟสแรกยอดขายกระฉูดแล้ว 70% เล็งนำเฟส 3 ปรับเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ จำนวน 300 ยูนิต ราคาเช่า 30,000-40,000 บาท/เดือน คาดปิดขายทั้ง 3 เฟส ภายใน 7 ปี  ปี 67 จ่อบุกกระบี่ เนรมิตที่ดิน 80 ไร่ เปิดตัวคอนโดฯ-พูลวิลล่า แบรนด์ใหม่ ราคาเริ่มต้น 12 ล้านบาทขึ้นไป
เรืออากาศเอกกรี เดชชัย
เรืออากาศเอกกรี เดชชัย  กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจที่อยู่อาศัย บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN  เปิดเผยว่าหลังจากที่มีการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งมีนายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ซึ่งมองว่าการที่นายเศรษฐาเคยมีประสบการณ์ในการเป็นผู้ประกอบการอสังหาฯก็เป็นเรื่องที่ดี ก็จะช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจในประเทศและภาคอสังหาฯเติบโตอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้เซ็นทรัลพัฒนา ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาโครงการในรูปแบบ Retail-Led Mixed-Use Development โดยมีธุรกิจศูนย์การค้าค้าเป็นแกนหลัก สร้างความแข็งแกร่งของ Ecosystem เชื่อมโยงกับธุรกิจที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และโรงแรม ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของทุกคนครบแบบ 360 องศา และด้วยประสบการณ์จับตลาด Residential กว่า  10 ปี ทำให้บริษัทฯมั่นใจในการบุกเบิกตลาดที่อยู่ในอาศัยในหลายจังหวัดเพิ่มเติม ซึ่งในปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนาฯในส่วนของธุรกิจที่อยู่อาศัย มีการลงทุนและเปิดโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งประเภทโครงการแนวราบ คอนโดมิเนียม และเชิงพาณิชย์ เป็นต้น

“CPN ไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้  ซึ่งมีความพร้อมทุกอย่าง นอกจากในกลุ่มของเซ็นทรัลกรุ๊ปแล้ว วันนี้ เราได้รับความร่วมจากสาขาโรบินสันทั่วประเทศ ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเสริมศักยภาพในพื้นที่ โดยได้ปักหมุด 5 โครงการในสาขาของโรบินสันแล้ว ปัจจุบันมี 18 จังหวัดที่เราจะตามการลงทุนของเซ็นทรัลพัฒนา และกลุ่มโรบินสัน ที่สำคัญเรามีศักยภาพและพร้อมที่จะพัฒนาโครงการแนวราบ  ซึ่งที่ผ่านมาได้ไปขยายตลาดแนวราบไปแล้ว 3-4 จังหวัด พบว่าลูกค้าให้การตอบรับที่ดี ลักษณะการพัฒนาจะอยู่ใกล้ๆศูนย์การค้า เพื่อเชื่อมต่อกับธุรกิจรีเทล-เรสซิเดนซ์ ในการทำความร่วมมือ ไม่ว่าจะอยู่ในโครงการคอนโดมิเนียม หรือ บ้านจัดสรร ก็จะได้รับสิทธิพิเศษและสิทธิประโยชน์ในการเป็นลูกค้าในเครือของเซ็นทรัลฯ เช่น เรื่องจอดรถฟรี ส่วนลดพิเศษจากเซ็นทรัลและโรบินสัน หรือแม้แต่เกี่ยวกับเรื่องบ้านผ่านธุรกิจวัสดุก่อสร้างอย่าง BnB Home ร้านอาหาร เป็นต้น”เรืออากาศเอก กรี กล่าว

เรืออากาศเอกกรี กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบัน “พอร์ต” โครงการอสังหาฯของ CPN ในขณะนี้มีโครงการที่อยู่ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และในต่างจังหวัด โดยรวมมีโครงการที่อยู่อาศัยรองรับความต้องการของผู้ซื้อในพื้นที่และกลุ่มที่เข้ามาทำงานมากถึง 24 จังหวัด ซึ่งในช่วงที่เหลือของปีนี้ กลุ่มที่อยู่อาศัยจะมีการลงทุนเปิดทั้งแนวสูงและแนวราบเพิ่มอีก 5 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 3 โครงการ และ โครงการคอนโดมิเนียมอีก 2 โครงการ ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนการพัฒนาที่ได้วางไว้ และจะส่งผลให้ แอสเสทฯ ของโครงการที่บริหารถึงสิ้นปี 2566 นี้ เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 34 โครงการ

สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯในจ.ภูเก็ต พบว่าหลังจากวิกฤติโควิด-19 ภาพรวมตลาดดีขึ้น 2 ต่อ คือได้รับอานิสงส์ทั้งจากดีมานด์ในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะรัสเซียและยูเครน ที่หนีภัยสงคราม มาหาซื้อที่อยู่อาศัยในภูเก็ตมากขึ้น โดยเฉพาะวิลล่า ส่วนตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ตนั้น มองว่ามีโอกาสเติบโต ด้วยศักยภาพของเมืองที่เป็น Attractive Global Destination ล่าสุดติดอันดับ World’s Greatest Places 2023 จากนิตยสาร Time อีกทั้งอยู่ในพื้นที่ที่อยู่ในแนวทางการพัฒนาการท่องเที่ยวของภาครัฐ เพื่อยกระดับให้เป็นเมืองท่องเที่ยวชายทะเลระดับโลก รวมถึงจากเมกะโปรเจกต์ของรัฐ ในการพัฒนาระบบคมนาคมในอนาคต ครอบคลุมทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ และทางราง เพื่อรองรับการขยายเมือง  อาทิ สนามบินภูเก็ตเฟส 2, ทางด่วนกระทู้-ป่าตอง, ทางหลวงเมืองใหม่-เกาะแก้ว, รถไฟฟ้ารางเบาภูเก็ต ฯลฯ

นอกจากนี้ยังมีสัญญาณดีด้านการท่องเที่ยวและกำลังซื้อทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ โดยตลาดในประเทศโรงแรมและการท่องเที่ยวในภูเก็ต ได้รับการสนับสนุนอย่างดีจากแคมเปญภาครัฐตั้งแต่ช่วงสถานการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งตลาดที่พักอาศัยยอดขายค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมา ขณะที่ตลาดต่างประเทศ การท่องเที่ยวฟื้นฟูกลับมาเช่นกัน นักท่องเที่ยวต่างชาติท่องเที่ยวภูเก็ตในปี 2566 ช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 2.3 ล้านคน คาดว่าปี 2567 จะเพิ่มขึ้นเป็น 4-5 ล้านคน/ปี โดยนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักคืออันดับหนึ่ง ได้แก่ รัสเซีย ตามมาด้วยจีน  อีกทั้งยังพบ ดีมานด์ในกลุ่มลูกค้าชาวยุโรปที่ต้องการบ้านสำหรับช่วงเกษียณอายุโดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มรัสเซีย

“ภูเก็ตยังเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ และเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว นักลงทุนทั่วโลก ดังนั้นหลังวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา จะเห็นว่าผู้ประกอบการอสังหาฯรายใหญ่จากกทม.ล้วนเข้ามาลงทุนในภูเก็ตกันเป็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันราคาที่ดินก็พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง”เรืออากาศเอกกรี กล่าว

เรืออากาศเอกกรี กล่าวต่อไปว่า สำหรับบริษัทฯเองนั้นในพื้นที่จ.ภูเก็ต ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้ซื้อที่ดินต่อจากตระกูล “หงส์หยก” บริเวณทำเลเหมืองนาคา จำนวน 20 ไร่ เพื่อพัฒนาในรูปแบบของคอนโดฯระดับไฮเอนด์ ภายใต้แบรนด์ “ฟีล ภูเก็ต” (Phyll Phuket) ใกล้เซ็นทรัล ภูเก็ต เพียง 300 เมตร  มูลค่าโครงการรวมกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งแบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 เฟส โดยในเฟสแรกเปิดตัวไปแล้ว บนพื้นที่ 6 ไร่เศษ ประกอบการด้วยคอนโดฯ 3 อาคาร สูง 8 ชั้น จำนวนทั้งหมด 439 ยูนิต พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ “A Beach Life in the City” เสมือนยกบรรยากาศริมหาดมาไว้ใจกลางเมือง ด้วยการดีไซน์แบบ Beach City Condo สไตล์รีสอร์ท  ตัวอาคารจะมีความโค้งเว้าสลับเป็นชั้นเลียนแบบหมู่เกาะ ให้ทุกยูนิตสัมผัสถึงพื้นที่สีเขียวได้อย่างทั่วถึง ตัวอาคารโอบล้อมด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่มีขนาดใหญ่ถึง 2ไร่ ราคาขายอยู่ที่ประมาณ 2.69-6 ล้านบาท หรือราคาเฉลี่ยที่ 93,000 บาท/ตารางเมตร ปัจจุบันมียอดขายรวมแล้ว 70% โดยลูกค้าที่ซื้อส่วนใหญ่เป็นคนไทย และมีชาวต่างชาติที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองประมาณ 15% ซึ่งมีทั้งชาวยุโรป สิงคโปร์ และมาเลเซีย ซึ่งจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้ และคาดว่าจะสามารถปิดการขายในเฟสแรกได้ภายในปลายปีนี้ พร้อมกับคาดการณ์ว่าจะสามารถปิดการขายทั้ง 3 เฟส (รวม 1,300 ยูนิต) ได้ภายในระยะเวลา 7 ปี จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ประมาณ 9 ปี เนื่องจากประเมินจากภาพรวมเศรษฐกิจในภูเก็ตในปัจจุบัน พบว่ามีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

โดยโครงการดังกล่าวถือเป็นคอนโดฯแบรนด์ “ฟีล”แห่งที่สอง ต่อจาก “ฟีล พหล 34” และยังเป็นคอนโดมิเนียมแห่งแรกของเซ็นทรัลพัฒนา ที่เข้ามาทำตลาดที่เมืองภูเก็ต  ด้วยการต่อยอดจากศูนย์การค้าเซ็นทรัลภูเก็ต จึงทำให้เราเข้าใจ Insight ของตลาดที่อยู่อาศัย ด้วยข้อมูล Customers Behavior และ Domestic Demand ที่มีอยู่ในมือ นอกจากนี้ ยังมีโมเดล ที่จะนำที่ดินในเฟสที่ 3 ของโครงการ มาศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเป็นเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ จำนวนประมาณ  300 ยูนิต ราคาเช่าอยู่ที่ประมาณ 30,000-40,000 บาท/เดือน ซึ่งหากรวมแปลงที่ดินที่เป็นศูนย์การค้าเซ็นทรัลฯด้วย จะทำให้อาณาจักรบริเวณนี้ของกลุ่มฯมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 25,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ตลาดคอนโดฯในภูเก็ต จะมี 2 ประเภท คือ ซิตี้ คอนโดฯ และลักชัวรี คอนโดฯ ซึ่งได้รับการตอบรับดีทั้ง 2 เซกเมนต์ โดยซิตี้ คอนโดฯนั้น ชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในภูเก็ต มักจะนิยมเช่าคอนโดฯประเภทนี้ค่อนข้างมาก ทั้งชาวรัสเซียและสหรัฐ โดยสามารถปล่อยเช่าได้ในราคาตั้งแต่ 15,000 บาท/เดือนขึ้นไป โดยการันตีผลตอบแทนประมาณ 6% ต่อปี ซึ่งทำเลเหมืองนาคา ที่เป็นทำเลที่ตั้งโครงการ “ฟีล ภูเก็ต”นั้น ปัจจุบันมีอสังหาฯรายใหญ่เข้ามาพัฒนาคอนโดฯโลว์ไรส์แล้ว 2 ราย คือ บริษัท แสนสิริ จำกัด(มหาชน) พัฒนาโครงการ “เดอะ เบส เซ็นทรัล-ภูเก็ต”และบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) พัฒนาโครงการ “ดิ ออริจิ้น เซ็นเตอร์ ภูเก็ต”ซึ่งคอนโดฯของทั้ง 2 บริษัทฯก็ล้วนได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีเช่นกัน

นอกจากนี้ในปี 2567 บริษัทฯยังมีแผนที่จะรุกการพัฒนาคอนโดฯและพูลวิลล่า แบรนด์ใหม่ ราคาเริ่มต้นที่ 12 ล้านบาทขึ้นไป บริเวณฝั่งตรงข้ามเซ็นทรัล กระบี่ อีกด้วย ซึ่งมีที่ดินทั้งหมด 80 ไร่ โดยยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดต่างๆได้ในขณะนี้

ปัจจุบัน เซ็นทรัลพัฒนา พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใน 2 รูปแบบ คือโครงการแนวราบ  ได้แก่ แบรนด์ นินญา ราคาเฉลี่ย 12-20 ล้านบาท ,แบรนด์ นิยาม ราคาเฉลี่ย 30-60 ล้านบาท, แบรนด์ นิรดา ราคาเฉลี่ย 6-10 ล้านบาท เป็นต้น ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม พัฒนาภายใต้ แบรนด์ เอสเซ็นท์ ราคาเฉลี่ย 2-4 ล้านบาท ,แบรนด์ ฟีล ราคาเฉลี่ย 3-6 ล้านบาท และอาคารพาณิชย์ จะมีราคาเฉลี่ย 6-8 ล้านบาท เป็นต้น

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*