คูน เอสเตทฯเผยทิศทางธุรกิจเดินหน้ารุกอสังหาฯลักชัวรี่ต่อเนื่อง เชื่อมั่นรัฐบาลใหม่เร่งขับเคลื่อนประเทศ หวังอสังหาฯรับอานิสงส์ วอนนายกฯสร้างมาตรฐานการพิจารณา EIA ให้ชัดเจน ลดความเสี่ยงผู้ประกอบการ พร้อมปรับตัวตั้งรับขึ้นค่าแรง เซ็นสัญญาผู้รับเหมาฯล่วงหน้า ด้าน“ไฮด์พาร์ค การ์เด้น วิภาวดี“ ปิดขาย 32 ยูนิตนำร่องแล้ว มูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท การันตีผลตอบแทนจากการลงทุน 5-7% ต่อปี มั่นใจปล่อยเช่าราคา 120,000-150,000 บาท/เดือน เดินหน้าควงกลุ่มAISL นำ 30 ยูนิตที่เหลือแรกเปิดขาย พร้อมชมบ้านตัวอย่าง รับโปรโมชั่นพิเศษ 6-8 ต.ค.66 คาดปิดการขายภายใน 3 เดือน ด้านเฟส 2 พร้อมลุยต่อปี 67
นายณัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ
นายณัฐวัฒน์ คูวิจิตรสุวรรณ กรรมการบริหาร บริษัท คูน เอสเตท จำกัด  เปิดเผยถึง ทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯว่า ยังมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการระดับลักชัวรีทั้งแนวสูงและแนวราบอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับจังหวะและโอกาส โดยในเร็วๆนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะพัฒนาคอนโดฯในรูปแบบซูเปอร์ลักชัวรี่ อีกประมาณ 1 โครงการ ซึ่งแนวโน้มอาจจะเป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรคนไทย ขนาดนี้อยู่ในระหว่างการตกลงเงื่อนไขและรอเซ็นสัญญาจึงยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ส่วนความคิดเห็นการทำงานของรัฐบาลชุดใหม่โดยมีนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี มองว่านายเศรษฐามีความเข้าใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ดีอยู่อยู่แล้วรวมไปถึงการให้ความสำคัญกับภาคธุรกิจท่องเที่ยวเพื่อให้ตลาดเติบโตได้ในอนาคต เชื่อว่าภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์น่าจะได้รับอานิสงส์บ้าง และที่อยากให้รัฐบาลชุดนี้ช่วยเหลือคือเรื่องการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้มีมาตรฐานที่ชัดเจน โดยเฉพาะอาคารสูง เพื่อที่ผู้ประกอบการจะได้ไม่มีความเสี่ยง

สำหรับในส่วนของการปรับขึ้นค่าแรงนั้น บริษัทฯได้เตรียมการปรับตัวเพื่อรับมือ ด้วยการเซ็นสัญญาข้อตกลงล่วงหน้ากับผู้รับเหมาก่อสร้าง เพื่อที่จะสามารถบริหารจัดการได้ถูก

ด้านความคืบหน้าโครงการ “ไฮด์พาร์ค การ์เด้น วิภาวดี” บ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง คูน เอสเตทฯ กับ  Asia International School Limited (AISL) ผู้บริหารโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ในภูมิภาคเอเชีย จำนวน 10 แห่ง ที่เปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2566 ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยได้ทดลองเปิดขายบ้านสัดส่วน 50% ของเฟสแรกก่อน จำนวน 32 ยูนิต ปรากฏว่าสามารถปิดการขายได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว คิดเป็นมูลค่ากว่า 1,400 ล้านบาท ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนไทยมากถึง 90% ที่เหลือเป็นชาวต่างชาติที่เป็นชาวจีนและไต้หวัน ส่วนใหญ่เป็นการซื้อเป็นบ้านหลังที่ 2-3 ให้ลูกหลานที่เรียนในโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์กรุงเทพฯอยู่เอง  และบางส่วนซื้อเพื่อการลงทุน โดยสามารถปล่อยเช่าได้ในราคา 120,000-150,000 บาท/เดือน และการันตีผลตอบแทนจากการลงทุนประมาณ 5-7% ต่อปี ซึ่งบ้านทั้ง 32 หลังคาดว่าจะแล้วเสร็จ และโอนกรรมสิทธิ์ได้ในไตรมาส 4/2547

ล่าสุดได้นำส่วนที่เหลือของเฟสแรกอีกประมาณ 30 ยูนิต มาเปิดขายอย่างต่อเนื่อง ประกอบด้วยบ้านเดี่ยว 3 ขนาด แบ่งเป็น Type M, Type L  และ Type XL เริ่มต้นที่ 73 – 166 ตารางวา ราคาเริ่มต้น 38 – 81 ล้านบาท มีพื้นที่ใช้สอย 412 – 880 ตารางเมตร ออกแบบในคอนเซปต์ Modern Tropical นำสมัยแต่ยังให้ความรู้สึกเหมือนพักผ่อนอยู่ในรีสอร์ทกับการวางบ้านหันทิศเหนือทิศใต้รับลม ไม่รับแดด พร้อมที่จอดรถสูงถึง 5 คันพร้อมระบบไฟรองรับ EV charger และจัดเตรียมลิฟท์ส่วนตัวไว้ภายในบ้าน โดยแบ่งฟังก์ชั่นแต่ละห้องไว้อย่างลงตัวพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวภายในบ้าน โดยราคาจะสูงกว่า 32 ยูนิตแรกเล็กน้อยทั้งนี้เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการ ประกอบกับค่าก่อสร้างและวัสดุวัสดุก่อสร้างมีการปรับเพิ่มขึ้นสูงมาอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันปรับขึ้นมาที่ประมาณ 10% โดยเปิดให้ชมบ้านตัวอย่างและเปิดการขายในวันที่ 6-8 ตุลาคม 2566 นี้ พร้อมโปโมชั่นพิเศษ คาดว่าจะสามารถปิดการขายโครงการในเฟสแรกได้ภายในสิ้นปี 2566 นี้ ส่วนเฟสที่ 2 คาดว่าจะเปิดการขายได้ในปี 2567

โดยโครงการ “ไฮด์พาร์ค การ์เด้น วิภาวดี“ตั้งอยู่บนพื้นที่ทั้งหมด 52 ไร่ จากทั้งหมด 172 ไร่ (เป็นพื้นที่ที่เป็นส่วนของโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์ กรุงเทพฯ 120 ไร่) พัฒนาในรูปแบบของบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ขนาด 73-116 ตารางวา ราคา 35-80 ล้านบาท(ราคาพรีเซล 32 ยูนิตแรก) มูลค่าโครงการ 6,500 ล้านบาท โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 2 เฟสๆแรก พัฒนาบนพื้นที่ 25 ไร่ จำนวน 61 ยูนิต

นางสาววัลเลอรี่ ชิวชร์
นางสาววัลเลอรี่ ชิวชร์ ผู้อำนวยการ Asia International School Limited (AISL) กล่าวว่า โรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์กรุงเทพฯ ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในฐานะโรงเรียนนานาชาติชั้นนำของประเทศไทย และได้รับรางวัล “Best Top International School” in Thailand จาก The Asian Parent Awards ด้วยประสบการณ์การพัฒนาโรงเรียนที่ผ่านมา ทำให้เข้าใจถึงสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยนอกโรงเรียนที่มีความสำคัญเทียบเท่ากับการศึกษา จึงต้องการสร้างต้นแบบ Family Community เพื่อส่งเสริมคุณภาพชีวิต สร้างสิ่งแวดล้อมที่ดี และเอื้อให้เกิดประโยชน์ทางด้านการศึกษา เราจึงนำประสบการณ์การพัฒนาโรงเรียน มาร่วมพัฒนาเป็นฟังก์ชั่นบ้านและสิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการฯที่ตอบโจทย์ผู้ปกครองและเด็ก อาทิ คลับเฮ้าส์ขนาดใหญ่มีฟังก์ชั่นให้สมาชิกครอบครัวใช้งานได้จริง สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือยาว 25 เมตรพร้อมสระเด็ก สวนขนาดใหญ่พื้นที่กว่า 5 ไร่ และถนนเลนพิเศษสำหรับจักรยานเพื่อเด็กๆสามารถขี่จักรยานไปโรงเรียนผ่านทางพิเศษที่เชื่อมกับประตูโรงเรียน ห้องออกกำลังกาย สตูดิโอสำหรับคลาสโยคะ พิลาทิส และบัลเลต์ ห้องประชุม พื้นที่อ่านหนังสือ ห้องสำหรับจัดปาร์ตี้ และห้องซ้อมดนตรี เป็นต้น
นายชาญวิชญ์ พสุวัต

นายชาญวิชญ์ พสุวัต หัวหน้าแผนกพัฒนาการออกแบบโครงการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด (CBRE)บริษัทที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก กล่าวว่า ภาพรวมตลาดบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ขึ้นไป มีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพบว่าอัตราการเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มขึ้น 205% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2565 โดยเฉพาะทำเลกรุงเทพฯ ตอนเหนือ พบว่าเพียงครึ่งปีแรก มีอัตราการเปิดตัวโครงการใหม่สูงขึ้นถึง 81% เมื่อเทียบกับตัวเลขทั้งปีของปี 2565

สำหรับทำเลกรุงเทพฯ ตอนเหนือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเลย่านวิภาวดีรังสิต/ดอนเมืองถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพ และมีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากเป็นทำเลที่ได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานไว้เรียบร้อยแล้ว ทัังเส้นทางคมนาคมทางรถยนต์ รถไฟฟ้า และอยู่ใกล้กับสนามบิน  โดยเฉพาะสนามบินดอนเมืองที่มีแผนการขยายสนามบินระยะที่ 3 อีกทั้งยังมีโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการฯ จากแผนพัฒนาดังกล่าวล้วนเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้ความต้องการที่อยู่อาศัยในพื้นที่ขยายตัว อีกหนึ่งดัชนีชี้วัดความมีศักยภาพของทำเลนี้คือ ราคาประเมินที่ดินในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 150,000 บาท/ตารางวา ปรับตัวสูงขึ้นถึง 25% ในขณะที่พื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉลี่ยปรับเพิ่มขึ้นเพียง 2.8%

“จากการที่ CBRE ได้ทำการตลาดและการขายบ้านระดับลักซ์ชัวรี่ที่ผ่านมา พบว่าผู้บริโภคมีความต้องการบ้านเดี่ยวในทำเลกรุงเทพฯ ตอนเหนือเป็นอย่างมาก แต่ทำเลดังกล่าวมีการเปิดตัวโครงการเพื่อขายน้อยมากเมื่อเทียบกับทำเลที่อยู่อาศัยอื่นๆ เนื่องจากที่ดินส่วนใหญ่ได้ถูกพัฒนาไปในทางคอมเมอร์เชียล หรือเป็นสถานที่ราชการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการระดับลักชัวรี่ในปีนี้มีเพียงโครงการ ไฮด์พาร์ค การ์เด้น วิภาวดี ซึ่งถือว่าเป็นโครงการแรกที่มีจุดเด่นในแง่ของการออกแบบบ้านเพื่อตอบสนองความต้องการบ้านระดับลักชัวรี่ในทำเลนี้ ที่มีทั้งความสวยงามทันสมัย และเน้นในเรื่องพื้นที่ใช้สอยได้อย่างดีเยี่ยม ให้ความสำคัญกับทุกพื้นที่ได้อย่างลงตัว อีกทั้งการคัดเลือกวัสดุอุปกรณ์เกรดพรีเมี่ยม รวมถึงการออกแบบส่วนกลางที่หลากหลายและเน้นประโยชน์สูงสุด ใช้งานได้จริงและตรงตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย การที่ทำเลดังกล่าวมีสินค้าออกมาน้อยในขณะที่ความต้องการมีอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้อัตราการขายโครงการในทำเลวิภาวดี/ดอนเมืองนี้สูงถึง 100%”นายชาญวิชญ์ กล่าว

นายชาญวิชญ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากเป็นโครงการที่พักอาศัยที่ตอบโจทย์การซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองแล้ว การที่โครงการตั้งอยู่ติดกับโรงเรียนนานาชาติฮาร์โรว์กรุงเทพฯ ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ซื้อในด้านของการลงทุนอีกด้วย เพราะมีตลาดเช่าที่พักอาศัยจากครอบครัวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีลูกเรียนในโรงเรียนดังกล่าว ตลอดจนตลาดขายต่อที่คล่องตัวกว่าเพราะมีดีมานด์ใหม่ๆเข้ามาทุกปี ด้วยปัจจัยต่างๆที่กล่าวมาส่งผลให้โครงการมีความโดดเด่นท่ามกลางตลาดบ้านลักชัวรี่ที่มีการเปิดตัวกันอย่างคึกคักในปีที่ผ่านมา

อนึ่ง ที่ผ่านมา บริษัท คูน เอสเตท จำกัด ได้พัฒนาโรงแรมคิมป์ตัน คีตาเล สมุย รีสอร์ตระดับลักชัวรี่บนหาด เชิงมน เกาะสมุย โครงการบ้านหรูในทำเลใจกลางเมืองบนถนนสุขุมวิท ได้แก่โครงการ Quarter Thonglor, Quarter 39 และ Quarter 31 นอกจากนี้ ยังได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมอีก 5 โครงการ ได้แก่ Cooper Siam, Klass Langsuan, Klass Siam, Klass Sarasin และ Klass Silom รวมมูลค่าโครงการที่ผ่านมือมาแล้ว กว่า 9,800 ล้านบาท และล่าสุดกับโครงการ ไฮด์พาร์ค การ์เด้น วิภาวดี ซึ่งตรงกับ DNA ของบริษัทที่ต้องการนำ เสนอแนวคิดใหม่ๆของการพัฒนาที่อยู่อาศัยรอบนอก เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ครอบครัวคนรุ่นใหม่

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*