” EMDISTRIC ”
จุดเริ่มต้นของความเป็น High-End Luxury Retail

คำพูดของ ศุภลักษณ์ อัมพุช แม่ทัพหญิงแกร่งแห่งเดอะมอลล์ กรุ๊ป ที่เล่าอดีตให้ฟังก่อนการพัฒนา EMDISTRIC 3 มุมเมือง ย่านใจกลางสุขุมวิท มิติใหม่แห่งย่านธุรกิจการค้าในอนาคต พร้อมอวดโฉมและฉลองความยิ่งใหญ่ ดีเดย์!!! 1 ธันวาคม 2566 นี้

เดิมที่กลุ่ม เดอะมอลล์ (The Mall Group) ได้พัฒนาศูนย์การค้าบนทำเลราชดำริ ในชื่อ “เดอะมอลล์ ราชดำริ” บนทำเลที่ดีมากแห่งหนึ่ง แต่ด้วยขนาดพื้นที่จำกัด ประกอบกับการแข่งขันทางด้านการค้าสูง ทำให้ต้องขยายการพัฒนาศูนย์การค้าออกไปในทำเลชานเมือง ซึ่งไม่มีคู่แข่งส่งผลให้ The Mall ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากในทำเลย่านชานเมือง ก่อนหวนคืนสู่ทำเลใจกลางเมืองอีกครั้งด้วยศูนย์การค้าแห่งแรกที่เกิดขึ้นในปี 2540

ศุภลักษณ์ อัมพุช ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2540 ในยุคสมัยที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจต้มยำกุ้ง ขณะเดียวกัน ก็ได้มีศูนย์การค้าระดับ High-End Luxury ถือกำเนิดและเปิดให้บริการขึ้นในปีเดียวกัน นั้นคือ “THE EMPORIUM” (ดิ เอ็มโพเรียม) ลักซ์ชูรีมอลล์แห่งแรกของเมืองไทย ซึ่งถูกตีตราว่าจะ “เจ๋ง” เพราะเป็นช่วงวิกฤติเศรษฐกิจที่ทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างหนัก แต่กลับตรงกันข้ามศูนย์การค้าแห่งนี้กลับ “ขายดี” เป็นอย่างมาก และอยู่ยั่งยืนมาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาในปี 2558 ได้มีการพัฒนาโครงการศูนย์การค้า “THE EmQuartier” (ดิ เอ็มควอเทียร์) ขึ้น เป็นแห่งที่ 2 ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ซึ่งทั้ง 2 โครงการ เป็นโครงการสำคัญในย่านกลางเมือง (Midtown) ที่ส่งให้เกิดการขยายตัวของสังคม เศรษฐกิจ บริเวณใจกลางถนนสุขุมวิทเป็นอย่างมากส่งผลต่อราคาที่ดินและที่อยู่อาศัยพุ่งสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และในตอนนี้จิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายกำลังจะถูกวางลงสู่ความเป็น THE EMDISTRIC อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยศูนย์การค้า THE EMPHERE (ดิ เอ็มสเฟียร์) ศูนย์การค้าแห่งใหม่ ใจกลางย่านการค้าถนนสุขุมวิท จะเป็นความเร้าใจใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ไม่เคยหลับใหล แหล่งรวมศิลปะแห่งการใช้ชีวิตในทุกไลฟ์สไตล์มาไว้ในที่ และจะสร้างปรากฏการณ์ BANGKOK CALLING THE WORLD ที่นักท่องเที่ยวทั่วทุกมุมโลกจะต้องมาเยือน พร้อมเปิดให้บริการในวันที่ 1 ธันวาคม 2566 นี้ สอดรับกับแผนพัฒนา การขยายตัวของเมือง ผ่าน 3 โครงการศูนย์การค้า ใน 3 มุมเมืองที่มีเอกลักษณ์ และ มีความโดดเด่นด้วยมูลค่าเงินลงทุนรวม 3 โครงการกว่า 50,000 ล้านบาท

“EMDISTRIC ประกอบด้วย 3 ศูนย์การค้า ได้แก่ ดิ เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์ และ ดิ เอ็มสเฟียร์ แหล่งไลฟ์สไตล์ความสมบูรณ์ในอนาคต โดย ดิ เอ็มโพเรียม จะมีการพัฒนาและปรับปรุง(Renovation) ให้เป็น LUXURY INSTITUTE ความเป็นที่สุดแห่งความหรูหรา และ ดิ เอ็มควอเทียร์ จะเป็น CUTTING EDGE LUXURY & HYBRID ความลักซ์ชัวรี่ที่เหนือระดับ มีความเป็นเอกลักษณ์ของไลฟ์สไตล์ ในขณะที่ ดิ เอ็มสเฟียร์ เป็น ฟิวเจอร์ รีเทล (Future Retail) เมื่อรวม 3 ศูนย์การค้าเข้าด้วยกัน เอ็มดิสทริค จะเป็นศูนย์การค้าแห่งอนาคตที่สมบูรณ์แบบ ที่สามารถขับเคลื่อนถนนสุขุมวิท ให้เป็นย่านการค้าสำคัญดังเช่นย่านการค้าสำคัญในหลายประเทศ เป็นสิ่งใหม่ในอุตสาหกรรมรีเทลที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน” ศุภลักษณ์ เล่าให้ฟังถึงโปรเจ็กต์ THE EMDISTRIC และการพัฒนาเพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตและอยู่อาศัยที่จะทำให้ย่านแห่งนี้กลายเป็นย่านสำคัญของเมืองไทยดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยือน

เดอะมอลล์ยึดแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว สุขุมวิท สร้างศูนย์การค้าดึงดูดคนทั่วทุกมุมโลก

หากเลาะตามเส้นรถไฟฟ้าสายสีเขียว สุขุมวิท ที่ถือเป็นเส้นเส้นเลือดใหญ่สายหลักของการเดินทางที่สำคัญจะเห็นว่ามีศูนย์การค้าของ เดอะมอลล์ กรุ๊ป เกิดขึ้นบนสุดยอดทำเล ล้วนแล้วแต่เป็น Prime Area ทั้งสิ้น เริ่มตั้งแต่

สถานีสยาม ศูนย์การค้าสยามพารากอน (Siam Paragon) ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 500,000 ตารางเมตร ครบถ้วนด้วยร้านค้าชั้นแนวหน้าของไทยและแบรนด์ชั้นนำระดับโลก และเป็นศูนย์การค้าอันดับ 1 ของประเทศไทย โดยเป็นการร่วมมือระหว่าง “บริษัท สยามพิววรรธน์ จำกัด” และ “บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด” ซึ่งร่วมกันจัดตั้ง “บริษัท สยามพารากอน ดีเวลล็อปเม้นท์ จำกัด” และ “บริษัท สยามพารากอน รีเทล จำกัด” ด้วยทุนจดทะเบียน 600 ล้านบาท ภายใต้สัดส่วนการลงทุน 50:50 สร้างปรากฎการณ์ระดับโลกด้วยการเป็น

      • The Jewelry of asia การเป็นศูนย์ที่สำคัญเสมือนอัญมณีล้ำค่าของเอเชีย
      • Retail & Entertainment Phenomenon ปรากฎการณ์ความยิ่งใหญ่ระดับโลกที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
      • The Heritage of Thai สะท้อนอัตลักษณ์ความเป็นไทย
      • The Pride of Siam ความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน

สถานีพร้อมพงษ์ ดิ เอ็มดิสทริค (THE EMDISTRIC) โดยในวันที่ 1 ธันวาคม 2566 นี้ จะเปิดให้บริการ ศูนย์การค้าแห่งใหม่นับเป็นโปรเจ็กต์ที่ 3 นั่นคือ THE EMPHERE ที่เตรียมสร้างอภิมหาปรากฎการณ์เฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ด้วยการทุ่มงบกว่า 1,000 ล้านบาท ตลอดเดือนธันวาคมและต่อเนื่องถึงมกราคม 2567 ด้วยพาเหรด ดารา และศิลปินชั้นนำ ทั้งในและต่างประเทศมากกว่า 100 ชีวิต พร้อม เซอไพรส์สุดพิเศษจากศิลปินระดับโลก

 

สำหรับ THE EMPHERE ที่จะเปิดให้บริการนั้น จะเป็นศูนย์กลางการ Hang out & Socialize บนทำเลที่ดีที่สุด บนถนนสุขุมวิท รวบรวมเทรนด์และไลฟ์สไตล์กว่า 300 ร้านค้ามากกว่า 1,000 แบรนด์ มาไว้บนพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตร กับ 2 อาคารที่เชื่อมต่อกัน ใช้แนวคิด Industrial Style ในการตกแต่งภายในซึ่งเป็นเทรนด์การออกแบบที่ได้รับความนิยม อีกทั้ง มีการใช้มิติของแสง สี เสียงเข้ามาช่วยเสริมบรรยากาศผสมผสานงานศิลปะภายในอาคาร สร้างความแตกต่างอย่างลงตัวจากศูนย์การค้าทั่วไป พร้อมเพิ่มประสบการณ์ของการใช้ชีวิตในยุค Society 5.0 หรือยุค Super Smart Society ซึ่งเทคโนโลยี นวัตกรรม จะมีผลต่อการขับเคลื่อนทุกไลฟ์สไตล์ ทำให้ ดิ เอ็มสเฟียร์ เป็นสิ่งเติมเต็มและผลักดันความเป็น FUTURE RETAIL ของเอ็มดิสทริค อย่างแท้จริง เพื่อสร้างปรากฏการณ์ระดับโลกสมบูรณ์แบบ (THE WORLD-CLASS MEGA MULTI-FACETED DEVELOPMENT) ที่เกิดขึ้นใจกลางย่านสุขุมวิท และตอบโจทย์ให้โลกหันมามองกรุงเทพฯ BANGKOK CALLING THE WORLD ในฐานะเมืองท่องเที่ยวชั้นนำที่น่ามาเยี่ยมเยือนอีกแห่งหนึ่งของโลก

สถานีบางนา แบงค็อก มอลล์ (Bangkok Mall) ศูนย์การค้าที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยพื้นที่กว่า 1,200,000 ตารางเมตร บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ทุ่มทุนสร้างมากกว่า 50,000 ล้านบาท บนทำเลบางนา วางแนวทางการพัฒนาให้เป็นเมืองแห่งการใช้ชีวิต ที่ปัจจุบันมีความคืบหน้าการก่อสร้างไปมากพอสมควรคาดว่าจะเปิดให้บริการราวปี 2569-2570 โดยในอนาคตจะมีเส้นทางรถไฟฟ้า Light Rail บางนา-สุวรรณภูมิ วิ่งผ่านบนถนนเส้นบางนาตราด จะทำให้กลายเป็นศูนย์การค้าสำคัญที่จับกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย และแน่นอนว่า Bangkok Mall จะเปลี่ยนบางนาให้กลายเป็นพื้นที่เศรษฐกิจแห่งใหม่ได้อย่างสมบูรณ์

 

ความตั้งใจของ ศุภลักษณ์ อัมพุช ในฐานะประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด ที่มุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจศูนย์การค้าสู่ความยิ่งใหญ่เพื่อให้ทั่วโลกหันมามองประเทศไทยและเลือกไทยเป็นจุดหมายของการลงทุน โดยได้กล่าวว่า

“อยากให้เข้าใจว่า The Mall มี Mission ไม่ใช่สำหรับ The Mall Group แต่เป็น Mission ที่เราทำให้กับประเทศชาติจริงๆเพราะถ้าประเทศชาติไม่ดีก็ส่งผลกระทบต่อเราด้วยเช่นกัน มีคนค้าขายกับเราเป็น 10 ล้านคน ธุรกิจRetail จะต้องดี เมื่อ Retail ดี จะมีการดึงดูดกลุ่มคนเข้ามาลงทุน เอาคนมาเที่ยว ส่งผลต่อธุรกิจโรงแรมเติบโต มีการซื้อที่อยู่อาศัย และนำเงินออกมาใช้จ่าย ถือเป็นจุดที่สำคัญมาก ที่จะทำยังไงให้คนต่างประเทศมาลงทุนที่ประเทศไทย และดึงนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาที่ประเทศไทยให้ได้ นั่นเป็น Mission ที่ใหญ่ที่สุด”

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*