ธอส.ลุยขยายความร่วมมือกับผู้ประกอบการอสังหาฯ ล่าสุดเตรียมMOUกับ15สมาคมและ4ชมรมผู้ประกอบการอสังหาฯ15จังหวัด200โครงการรวมมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาทเข้าร่วมโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย

ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) กำหนดจัดพิธีลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU)“โครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย”ระหว่างธนาคารอาคารสงเคราะห์ กับ 15 สมาคม และ4ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ใน15จังหวัด โดยนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ร่วมกับสมาคม / ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั่วประเทศ ลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพ รวมถึงการกระชับความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ตามแนวทาง “ประชารัฐ” ได้อย่างชัดเจน เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้ในระบบเพื่อสามารถมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองได้อย่างทั่วถึง จากความร่วมมือในครั้งนี้นับเป็นการก้าวสู่แนวทาง “Get Together We Bring Home for All” เพื่อทำให้คนไทยมีบ้าน ซึ่งทั้ง ธอส.และผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ จะเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทย และพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้มีความก้าวหน้าอย่างมั่นคงและยั่งยืน

ด้านนายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราห์ (ธอส.)เปิดเผยว่าการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อออกโครงการสินเชื่อที่อยู่อาศัย จะเป็นการจัดแพคเกจดอกเบียพิเศษจากปกติที่อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของธนาคารในปัจจุบันอยู่ที่3.43% โดยเบื้องต้นโครงการอสังหาฯที่พัฒนาจากที่เป็นสมาชิกของ 15สมาคม/ชมรมผู้ประกอบการอสังหาฯที่เข้าร่วมมี 200 โครงการมูลค่ารวมกว่า 30,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มโครงการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2560นี้ โดย ธอส.จะส่งเจ้าหน้าที่ไปให้บริการตามโครงการเพื่อพิจารณาสินเชื่อเบื้องต้น (Pre Approve)

โดยมีกรอบสาระสำคัญคือ 1.สมาชิกของสมาคมจะจัดส่งโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยมาเข้าโครงการพิเศษของ ธอส.อาทิ โครงการประเภท Fast Track / Smart Fast Track / Regional Fast Track และ LTF ซึ่งลูกค้าจะได้รับประโยชน์ลดค่าใช้จ่ายเรื่องการประเมินราคา เนื่องจากธนาคารกำหนดราคารับเป็นหลักประกันของที่อยู่อาศัยในโครงการล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาในการพิจารณาสินเชื่อได้เช่นกัน 2.สมาชิกของสมาคมจะจัดส่งลูกค้าภายใต้โครงการประเภท Fast Track / Smart Fast Track / Regional Fast Track และ LTF ที่มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริงให้แก่ธนาคาร เพื่อพิจารณาสินเชื่อเบื้องต้น (Pre Approve) และยื่นกู้จริงไม่น้อยกว่า 70% ของจำนวนที่อยู่อาศัยทั้งหมดในแต่ละโครงการ 3.ธนาคารจะส่งเจ้าหน้าที่ทำการ Pre Approve ก่อนที่โครงการจะตัดสินใจขายให้แก่ลูกค้า 4.ธนาคารจะจัดทำผลิตภัณฑ์สินเชื่อให้แก่ลูกค้าในโครงการจัดสรรที่อยู่อาศัยด้วยเงื่อนไขพิเศษตามที่ธนาคารกำหนด และ 5.ธนาคารจะอำนวยความสะดวกให้บริการลูกค้านอกสถานที่ ตามที่ธนาคารและสมาชิกของสมาคมได้ตกลงกัน

โครงการนี้มีความสำคัญในเรื่องของการตรวจสอบคุณสมบัติผู้กู้เบื้องต้นเพราะที่ผ่านมา การปฏิเสธสินเชื่อ มักมาจากการไม่ได้ตรวจสอบก่อน แต่จากนี้ธนาคารจะลงพื้นที่เข้าไปตรวจสอบเองเลย ซึ่งมั่นใจว่า หลังการตรวจผ่านแล้วจะซื้อบ้านได้จริงถึง 80-90% โดยโครงการดังกล่าว มองว่าจะเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงครึ่งปีหลัง

ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรกธอส.ปล่อยสินเชื่อไปแล้วกว่า 40% ของวงเงินกู้ทั้งหมด 178,224 ล้านบาท

สำหรับ15 สมาคม และ 4ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์ระยอง สมาคมอสังหาริมทรัพย์ขอนแก่น สมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต สมาคมอสังหาริมทรัพย์สงขลา สมาคมอสังหาริมทรัพย์ชลบุรี สมาคมอสังหาริมทรัพย์นครราชสีมา สมาคมอสังหาริมทรัพย์พิษณุโลก สมาคมอสังหาริมทรัพย์นนทบุรี สมาคมอสังหาริมทรัพย์เชียงใหม่ สมาคมอสังหาริมทรัพย์อุดรธานี ผู้แทนจังหวัดสระบุรี ผู้แทนจังหวัดมุกดาหาร ผู้แทนจังหวัดสุราษฎร์ธานี และผู้แทนจังหวัดสระบุรี

ทั้งนี้ พิธีลงนามใน MOU ดังกล่าวจะจัดขึ้นในวันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน 2560 ณ เซ็นเตอร์พ้อยท์ สตูดิโอ ไทยแลนด์ 1-3 สุขุมวิท 105 (ซอยลาซาล) เปิดให้สื่อมวลชนลงทะเบียนเวลา 14.30 น. และเริ่มพิธีลงนามระหว่างเวลา 15.00–15.30 น.  โดยมีคุณฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธอส. พร้อมตัวแทน 15 สมาคมและ4ชมรมผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ไทย 15 จังหวัด เป็นผู้ลงนาม และมีคุณวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง คุณสุรชัย ดนัยตั้งตระกูล ประธานกรรมการธนาคารอาคารสงเคราะห์ และคุณพรนริศ ชวนไชยสิทธิ์ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทยร่วมเป็นสักขีพยาน