LPN โอดหลังแบงก์ชาติส่งสัญญาณดีมานด์เทียมในตลาดคอนโดฯ ส่งผลแบงก์เข้มปล่อยกู้ ลดเพดานวงเงินสินเชื่อเหลือ 60 % “โอภาส ศรีพยัคฆ์” ยอมรับตลาดคอนโดฯ เริ่มอิ่มตัว พร้อมปรับแผนเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบมากขึ้น

 

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ LPN เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส 3/2561 ที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับช่วงเดี่ยวกันของปีก่อนพบว่า ไตรมาส 3 ปีนี้แย่สุด โดยคาดยอดโอนโดยรวมทั้งตลาดน่าจะลดลง 20 %  ขณะที่ตลาดก็มีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง ผ่านแคมเปญอยู่ฟรี ผ่อนต่ำ ฯลฯในขณะเดียวธุรกิจยังเผชิญกับปัญหาแบงก์ก็เข้มงวดในการปล่อยกู้ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าในช่วงไตรมาส 4 ตลาดน่าจะดีขึ้น

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์

“วันนี้ไม่ใช่ปฏิเสธไม่ให้กู้ แต่ให้ไม่เต็มวงเงิน หลักๆ ที่แบงก์ดูก็คือ รายได้กับภาระหนี้ ถ้าแบงก์ไม่ปล่อยกู้ ก็คงจะมองหน้าผู้ประกอบการไม่ได้ จึงใช้การลดวงเงินกู้ไปเรื่อยไปๆ บางแบงก์ปล่อยกู้เพียง 60 % ราคาประเมินก็ต่ำ” นายโอภาส กล่าว พร้อมกับว่า การที่แบงก์ส่งสัญญาณคุมเข้มปล่อยกู้อสังหาฯ ออกมาผ่านการลดเพดานเงินกู้ ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากแรงบีบที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติออกมาเตือนเรื่องดีมานด์เทียมในตลาดคอนโดมิเนียม ซึ่งยอมรับว่ามีปัญหาที่เกิดขึ้นในลักษณะกับกลุ่มคนที่ยื่นขอสินเชื่อแบงก์แล้วนำเงินจากส่วนต่างที่แบงก์ปล่อยกู้ให้ไปชำระหนี้ก้อนอื่น  ในขณะเดียวกันคอนโดมิเนียมที่ซื้อก็ปล่อยเช่า การทำลักษณะนี้จะเกิดกับโครงการคอนโดมิเนียมที่มีการขายผ่านแคมเปญอยู่ฟรี

 

 “ถ้าแบงก์ชาติออกมาตรการมาอีก ผมนึกไม่ออก แค่นี้ก็แย่ไม่รู้จะแย่อย่างไรแล้ว” นายโอภาส กล่าว

 

พร้อมกันนี้นายโอภาส ยังให้ความเห็นถึงภาพรวมเศรษฐกิจในประเทศไทยว่าจะมีความคล้ายกับเศรษฐกิจของประทศญี่ปุ่นที่ซบเซาหลายปี ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เช่นกัน โดยเฉพาะตลาดคอนโดมิเนียมที่เริ่มอิ่มตัว ด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้บริษัทฯ ต้องหันมารุกเปิดโครงการแนวราบมากขึ้น จากมูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาทในปีนี้จะเพิ่มขึ้นเท่าตัวคือประมาณ 4,000 ล้านบาทในปี 2562 โดยในไตรมาส 4/2561 จะเปิดแนวราบ 3 โครงการๆ ละ 500 ล้านบาท ในทำเลอ่อนนุช 44 ขายราคา 10 ล้านบาท,  พระราม 2-ท่าข้ามราคา 2-3 ล้านบาท และสุขุมวิท 113 เดิมจะทำคอนโด Low Rise มาปรับเป็นแนวราบ ขายราคา 2-3 ล้านบาท ส่วนแผนการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในช่วงปลายปีนี้ ยังจะมี คอนโดฯ เปิดใหม่ 2-3 โครงการ

 

สำหรับยอดขายที่รอรับรู้รายได้จากการโอน (Backlog) ของบริษัทฯ ในปัจจุบันอยู่ที่ 10,000 ล้านบาทเป้าขายปีนี้ทั้งปี 18,000 ล้านบาท เป็นคอนโด 14,000 แนวราบ 4,000 ล้านบาท