แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ หรือ LPN พลิกแผนธุรกิจลุยเปิดโครงการใหม่ช่วงโค้งสุดท้ายปี 2563 และปัดฝุ่นโครงการเก่าทำเลแจ้งวัฒนะซอย 17 พร้อมโดดร่วมตลาดคอนโดฯ BOI ราคาไม่เกิน 1.2 ล้านบาทเป็นครั้งแรกนำร่อง 2 ทำเล แจ้งวัฒนะซอย 10 และ เอกชัย 48 เพื่อให้ได้ประโยชน์ทางภาษีและเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อในกลุ่มตลาดอสังหาฯระดับล่าง
นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน)หรือ LPN เปิดเผยว่า แม้สถานการณ์เศรษฐกิจภายในประเทศโดยรวมจะไม่ดี ความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ยังคงอยู่ รวมถึงปัญหาการเมืองที่กำลังเกิดขึ้น ล้วนจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อภาคธุรกิจและประชาชน แต่อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มีสินค้าขายและมีรายได้เข้ามาต่อเนื่องทำให้บริษัทฯกลับมาเปิดตัวโครงการใหม่ตามแผนเดิมที่ประกาศไว้ จากเดิมที่จะชะลอหรือเลื่อนในบางโครงการที่จะเปิดในปีนี้ไปเปิดปี 2564
“เราระบายสต็อกที่เป็นสินค้าสร้างเสร็จไปได้ในรดับที่น่าพอใจได้เกือบครึ่งจาก 8,000-10,000 ล้านบาทเมื่อช่วงต้นปี ทำให้ต้องมาเปิดโครงการตามแผนเพื่อให้มีของใหม่เข้ามาเสริม เพราะหากไม่เปิดโครงการใหม่ในปีนี้หรือหากเลื่อนไปเปิดในปีหน้าก็อาจส่งผลกระทบต่อการวางแผนรายได้ในอีก 2 ปีข้างหน้าได้”นายโอภาส
ทั้งนี้ ในปี 2563 บริษัทฯเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ทั้งประเภทคอนโดมิเนียมและที่อยู่อาศัยแนวราบทั้งสิ้น 8 โครงการจำนวน 4,234 ยูนิต มูลค่ารวมทั้งสิ้น 9,040 ล้านบาท โดยได้เปิดตัวไปแล้ว 4 โครงการในช่วงไตรมาส 1 ปี 2563 ที่เหลือ 4 โครงการจะเปิดตัวในไตรมาส 4 ปี 2563 ดังนี้
- โครงการ ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 17 (เฟส1) จำนวน 719 ยูนิต มูลค่า 1,700 ล้านบาท
- โครงการลุมพินี ซีเล็คเต็ด จรัญ 65 – สิรินธร สเตชั่น จำนวน 400 ยูนิต มูลค่า 1,000 ล้านบาท
- โครงการลุมพินี วิลล์ เอกชัย 48 (เฟส1) จำนวน 1,200 ยูนิต มูลค่า 1,200 ล้านบาท (จากทั้งหมด 2,200 ล้านบาท)
- โครงการลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ 10 จำนวน 476 ยูนิต มูลค่า 540 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในจำนวน 4 โครงการที่เปิดในไตรมาส 4 ปี 2563 เป็นโครงการเก่าที่เคยเปิดขายไปแล้วในช่วงก่อนหน้าแต่หยุดขายแล้วนำกลับมาขายใหม่คือ โครงการ ลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด 17 ส่วนอีก 3 โครงการนั้นมี 2 โครงการ คือ โครงการลุมพินี วิลล์ เอกชัย 48 และ โครงการลุมพินี วิลล์ แจ้งวัฒนะ 10 เป็นโครงการที่บริษัทฯยื่นขอสนับสนับสนุน BOI ราคาต่ำกว่า 1.2 ล้านบาท และบริษัทฯอยู่ระหว่างที่หาที่ดินเพิ่มอีกหนึ่งแปลงสำหรับพัฒนาคอนโด ฯ BOI เพื่อให้ได้ประโยชน์ทางภาษีและเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อในกลุ่มตลาดอสังหาฯระดับล่าง ซึ่งหากหาที่ดินได้ในช่วงไตรมาส 4 ปี 2563 ก็จะมีโครงการที่เปิดตัวทั้งสิ้นจำนวน 5โครงการและในการพัฒนาโครงการคอนโด ฯ BOI บริษัทฯจะวางแผนด้านการตลาดการขายและทำงานอย่างใกล้ชิดกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ ที่ให้การสนับสนุนสินเชื่อผู้บริโภคในกลุ่มนี้
พร้อมกันนี้นายโอภาส ยังกล่าวว่า ในปีนี้บริษัทฯได้ซื้อที่ดินเพิ่มแล้ว 1 แปลงเนื้อที่ 7 ไร่ย่านจรัญสนิทวงค์ 22 ในราคากว่า 2 แสนบาทต่อตารางวา ตามแผนจะเปิดตัวในปี 2564 แบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 เฟส รวมมูลค่าโครงการประมาณ 5,000 ล้านบาท
