สิงห์ เอสเตทฯ เปิดแผนรุกตลาดกลุ่มที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์เต็มสูบ เตรียมงบลงทุนกว่า 35,000 ล้านบาทเพื่อการพัฒนาโครงการบนทำเลศักยภาพเยี่ยมในช่วง 5 ปีนี้ คาดฟันรายได้ไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาทภายในปี 69 พร้อมดันกลุ่มธุรกิจที่พักอาศัยระดับบนเป็นพอร์ตโฟลิโอหลักในการสร้างความเติบโต หลังประสบความสำเร็จอย่างสูงจากโครงการอสังหาฯ ที่ผ่านมา ทั้งโครงการบ้านแนวราบ และคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ คาดปี 65 รายได้เติบโต 50%
นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตทฯ ได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนโครงสร้างธุรกิจที่อยู่อาศัยครั้งใหญ่ โดยทำการขายบริษัทย่อยซึ่งทำหน้าที่พัฒนาโครงการแนวราบเป็นหลักออกไป เพื่อปลดล็อกให้ สิงห์ เอสเตท เป็นผู้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบในเครือเองทั้งหมด พร้อมกันนี้ยังได้พัฒนากลยุทธ์การขยายธุรกิจที่เข้มแข็ง และเดินหน้าพัฒนาโครงการระดับไฮเอนด์อย่างต่อเนื่อง เพื่อมุ่งสู่เป้าหมาย 10,000 ล้านบาทในปี 2569  โดยวางสัดส่วนโครงการอสังหาฯ แนวราบต่อแนวสูงที่ 75% และ 25% ตามลำดับ สำหรับปี 2565 ยอดโอนกรรมสิทธิ์จะมาจากโครงการที่พัฒนาโดย สิงห์ เอสเตท ทั้งหมด ซึ่งมั่นใจว่าจะสามารถรักษาระดับและสร้างการเติบโตในส่วนของรายรับจากยอดโอนกรรมสิทธิ์ได้อย่างต่อเนื่อง ผ่านการบริการการลงทุนโครงการอันเปี่ยมประสิทธิภาพและการดำเนินงานแผนการตลาดอย่างรัดกุม ตลอดจนความสามารถในการรับรู้รายได้ของโครงการระดับแฟล็กชิปต่างๆ ของบริษัทฯ

โดยในปี 2565 สิงห์ เอสเตท สามารถรับรู้รายได้ของโครงการบ้านแนวราบ “สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส” ซึ่งมีมูลค่า Backlog อยู่ที่ 2,600 ล้านบาท โดยคาดว่าจะรับรู้รายได้ 70% ในปีนี้ รวมไปถึงการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดฯพร้อมอยู่ 2 โครงการได้แก่โครงการ “ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์”(The ESSE at Singha Complex) และ “ดิ เอส อโศก” (The ESSE Asoke) และยังสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโครงการร่วมทุนต่างๆ อีกด้วย

“จากสัญญาณบวกของตลาด และความสามารถในการรับรู้รายได้ในปีนี้ ทำให้เราคาดว่าจะสามารถสร้างการเติบโตด้านรายได้เพิ่มขึ้นราว 50% ในปี 2565 และสร้างการเติบโตสู่เป้าหมายรายได้ในอีก 5 ปีข้างหน้ากว่า 10,000 ล้านบาท หรือขยายการเติบโตเฉลี่ยตลอด 5 ปีที่ราว 27% ต่อปี พร้อมก้าวเข้าสู่การเป็นผู้นำด้านการพัฒนาธุรกิจที่พักอาศัยระดับบน โดยมีแผนเปิดโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการบ้านแนวราบที่กำลังจะมีการเปิดตัวในช่วงครึ่งหลังของปีมูลค่า 2,900 ล้านบาท ขณะที่โครงการอื่นๆ จะทำการทยอยเปิดตัวต่อเนื่อง นับตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป โดยเราวางงบลงทุนเพื่อซื้อและพัฒนาที่ดินสำหรับธุรกิจที่อยู่อาศัยเอาไว้ที่ประมาณ 35,000 ล้านหรือราว 65% ของเงินลงทุนในระยะเวลา 5 ปีทั้งหมดของบริษัทฯ โดยปัจจุบันได้ทำการซื้อและวางเงินมัดจำที่ดินไปแล้วหลายแปลง จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยบนทำเลที่มีศักยภาพ ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าระดับบนได้ตามแผนการที่วางไว้ นอกจากนี้ เรายังเล็งเห็นว่ากลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัยเป็นอีกหนึ่งธุรกิจในพอร์ตโฟลิโอของสิงห์ เอสเตทฯที่มีศักยภาพสูง และจะเป็นอีกหนึ่งธุรกิจหลักในการขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนของบริษัทต่อไป” นางฐิติมา กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*