“สุชาติ ชมกลิ่น”เผยธุรกิจอสังหาฯเป็นกลไกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและGDP  ทั้งต้องใช้แรงงานต่างด้าวเป็นกำลังสำคัญในการก่อสร้าง ระบุ MOU ยังเปิดรับต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ในบางประเทศยังไม่สงบ จำต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า นำแรงงานไม่ถูกต้องขึ้นทะเบียนอย่างถูกกฎหมาย สร้างความอยู่รอดธุรกิจ ส่วนการขอขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียนการโอน-จดจำนอง และ LTV เป็นสิ่งที่รัฐบาลเร่งช่วยเหลือ แต่ต้องยื่นหนังสือตามขั้นตอนก่อน แนะผู้ต้องการซื้อบ้านรีบตัดสินใจซื้อก่อนปรับราคาขึ้นตามต้นทุนใหม่ 5-10%
นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประธานในพิธีเปิดงาน “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 42” ซึ่งจัดโดยสมาคมอาคารชุดไทย,สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทั้ง 3 สมาคมหลักของวงการอสังหาริมทรัพย์ของประเทศ ถือเป็นกำลังสำคัญของภาคเอกชนที่มีส่วนร่วมในการรวมพลังขับเคลื่อนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ ให้มีการขยายตัวเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนงานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ จึงเป็นกิจกรรมที่มีความสำคัญ ไม่ใช่เฉพาะแต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ยังมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และบ้านยังถือเป็นปัจจัย 4 ในการดำรงชีวิต นับเป็นงานแสดงสินค้าที่อยู่อาศัยใหญ่ที่สุด โดยมีผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งรายใหญ่ รายกลาง รายเล็ก พร้อมกันนำสินค้าหลากหลายโครงการมาร่วมจัดแสดงภายในงานนี้ ทำให้ผู้บริโภคและประชาชนทั่วไป ได้มีโอกาสเลือกซื้อที่อยู่อาศัยถือเป็นดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง

สำหรับธุรกิจอสังหาฯถือว่าเป็นธุรกิจหลักที่มีส่วนช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ  (Gross Domestic Product : GDP) ซึ่ง GDP ที่จะเติบโตได้ ต้องมาจากภาคเอกชน โดยเฉพาะภาคส่งออก แต่ตั้งแต่เกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็นต้นมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้แสดงถึงความห่วงใยในธุรกิจต่างๆ และแรงงานข้ามชาติ และตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน(รมว.แรงงาน) มีความเข้าใจเป็นอย่างดีว่า ธุรกิจอสังหาฯมีความจำเป็นต้องพึ่งพาแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านเป็นอย่างมาก ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการอธิบายให้อธิบดีกรมการจัดหางานได้รับทราบ เพื่อประคับประคองให้ผู้ประกอบการอยู่รอดได้ หากปล่อยให้ธุรกิจไม่มีแรงงานก็จะสร้างความเสียหายได้ โดยที่ผ่านมานโยบายที่ทางรัฐบาลได้รับหนังสือจาก 3 สมาคมอสังหาฯ และสามารถดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมได้แล้วคือ การจัดทำให้แรงงานข้ามชาติที่มีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ให้มาขึ้นทะเบียนอย่างถูกกฎหมายให้หมด ซึ่งก็แก้ไขปัญหาได้ในระดับหนึ่ง

“แรงงานข้ามชาติที่ออกนอกประเทศไทยไปและยังไม่กลับมา ซึ่งรัฐบาลก็ยังเปิดโอกาสให้แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยแบบถูกกฎหมายตามเอกสารหรือหนังสือที่มีการบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Understanding . MOU)อยู่อย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ทางการเมืองในประเทศเมียนมายังไม่หยุดนิ่ง ซึ่งประชากรของประเทศดังกล่าวถือเป็นแรงงานหลักในประเทศไทย ถึงสัดส่วน 50% หากจะรอให้สถานการณ์กลับมาสู่สภาวะปกติก็คงไม่ทันกับความต้องการของตลาดแรงงานในประเทศไทย จึงจำเป็นต้องนำแรงงานที่มีสถานะที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายมาขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง เพื่อแก้ไขปัญหาในระดับหนึ่งไปก่อน” นายสุชาติ กล่าว

นายสุชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่เกิดสถานการณ์โควิด -19 กระทรวงแรงงานได้มีนโยบายและมาตรการช่วยเหลือลูกจ้าง ผู้ประกอบการ ในหลาย ๆ เรื่อง รวมทั้งการขึ้นทะเบียนแรงงานต่างด้าว ตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)รวม 4 ครั้ง รวมทั้งสิ้น 2,414,933 ราย ปรับค่าจ้างขั้นต่ำเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันที่ราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคสูงขึ้นให้พี่น้องแรงงานสามารถดำรงชีพอยู่ได้อย่างเหมาะสม ซึ่งประกาศใช้แล้วเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา

ส่วนการที่ทั้ง 3 สมาคมฯต้องการให้ขยายมาตรการลดค่าธรรมเนียมการโอนกรรมสิทธิ์และจดจำนองอสังหาฯ เหลือรายการละ 0.01% รวมไปถึงมาตรการกำกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (Loan to Value : LTV) ออกไปอีกนั้น ก็เป็นนโยบายที่ทางภาครัฐต้องช่วยเหลือ ซึ่งทั้ง 3 สมาคมสามารถยื่นหนังสือไปยังรัฐบาล เพื่อให้แก้ไขปัญหาดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้มีการแก้ไขปัญหาจากข้างล่างไปข้างบน ไม่ใช่นโยบายจากข้างบนสู่ข้างล่างอยู่แล้ว โดยต้องคำนึงถึงความต้องการของประชาชนเป็นหลัก

“สำหรับการจัดงาน“มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 42”ถือว่าเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังมองหาซื้อที่อยู่อาศัยเป็นอย่างมาก เพราะสินค้าที่นำมาออกบูธในครั้งนี้ ถือว่าเป็นสินค้าต้นทุนเดิม หากจะรอสินค้าใหม่ ก็ต้องซื้อในราคาต้นทุนใหม่ ซึ่งเชื่อว่าคงมีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 5-10% ตามต้นทุนที่ดินที่ปรับขึ้นอย่างแน่นอนทั้งนี้ผมขอขอบคุณและชื่นชมสมาคมอาคารชุดไทย สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย และสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ที่ได้ร่วมกันฝ่าฟันวิกฤติจนได้เกิดงานที่ยิ่งใหญ่ ซึ่งการจัดงานในวันนี้ถือเป็นพลังสำคัญในการสร้างสรรค์พัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนต่อไปด้วย”นายสุชาติ กล่าวในที่สุด

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*