ซี.พี. แลนด์ฯ ประกาศรีแบรนด์ใหม่ในรอบ 10 ปี เป็น บุกกลยุทธ์ “บลูโอเชี่ยน” ภายใน 3-5 ปีหันรุกแนวราบระดับราคา 7-10 ล้านบาทขึ้นไปมากขึ้นเป็นสัดส่วน 75% นำร่อง 4 จังหวัด ใน 3 ภาคเดิมที่เคยเข้าไปพัฒนาคอนโดฯ  ตั้งเป้าปิดการขายให้ได้ภายใน 3 ปี เลี่ยงแบกภาระต้นทุน กำไรลดน้อย มั่นใจขึ้นแท่นผู้นำตลาดแนวราบต่างจังหวัดภายในปี 75 ส่วนคอนโดฯยุบบางแบรนด์และเพิ่มแบรนด์ใหม่ ด้านแคมเปญ “CP LAND Presents เจอสุข เจอนั่น เจอนี่”ประสบความสำเร็จดันยอดขายอสังหาฯต่างจังหวัดขยายตัวเพิ่มขึ้น 60%ส่งผลให้รายได้ครึ่งปีแรก 66 พุ่งทะยานสู่ระดับ 800 ล้านบาท เป้ารายได้รวมแตะ 1,200 ล้านบาท
นายดำรงศักดิ์ ถุงเงิน
นายดำรงศักดิ์ ถุงเงิน ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายขายและการตลาดโครงการ บริการหลังการขายและลูกค้าสัมพันธ์ บริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ CP LAND เปิดเผยว่า ในช่วงระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา บริษัทฯไม่ได้มีการเน้นเรื่องการสร้างแบรนด์มากนัก ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทฯได้พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรวม 31 โครงการ ครอบคลุม 22 จังหวัด รวม 7,000 ยูนิต ปัจจุบันเหลือขาย 21 โครงการ จำนวน 1,771 ยูนิต รวมมูลค่าประมาณ 3,500 ล้านบาท  แบ่งเป็น
ภาคเหนือ  5 โครงการ ได้แก่ 1.พาร์ค คอนโด ดรีม พิษณุโลก  2.กัลปพฤกษ์ ซิตี้พลัส พิษณุโลก 3.พาร์ค คอนโด ดรีม แม่สอด 4.กัลปพฤกษ์ แกรนด์พาร์ค เชียงราย และ5.พาร์ค คอนโด ดรีม ลำปาง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  8 โครงการ ได้แก่ 6.กัลปพฤกษ์ ซิตี้ พลัส สกลนคร 7.กัลปพฤกษ์ แกรนด์ พาร์ค อุดรธานี 8.กัลปพฤกษ์ แกรนด์ อุบลราชธานี 9.กัลปพฤกษ์ มหาสารคาม 10.เดอะ คอร์ทยาร์ด เขาใหญ่ 11.บ้านเขาใหญ่ 12.พาร์ค คอนโด ดรีม นครราชสีมา และ 13.พาร์ค คอนโด ดรีม บุรีรัมย์

ภาคกลาง ตะวันออก ตะวันตก 6 โครงการ ได้แก่ 14.เดอะซีซั่น ศรีนครินทร์ 15.เอส คอนโด สมุทรสาคร 16.พาร์ค คอนโดดรีม กาญจนบุรี 17.พาร์ค คอนโด ดรีม ปราจีนบุรี 18.เดอะ คอร์ทยาร์ด ระยอง และ19.ทัสคานีมีนบุรี-ประชาร่วมใจ 37

ภาคใต้  2 โครงการ ได้แก่ 20.กัลปพฤกษ์ แกรนด์ สุราษฎร์ธานี และ 21.พาร์ค คอนโด ดรีม ตรัง
แต่ในช่วงวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป มีความต้องการที่อยู่อาศัยที่อยู่อาศัยใหม่ๆโดยเฉพาะแนวราบมากขึ้น ส่งผลให้ในปีนี้เป็นต้นไป บริษัทต้องการสร้าง CP LAND ให้เป็น NEW CP LAND จะเน้นการพัฒนาโครงการแนวราบมากขึ้น โดยเน้นตลาด “บลูโอเชี่ยน”ในเซกเมนต์ที่ต่างจากเดิม จากที่ผ่านมาจะเน้นการพัฒนาคอนโดฯมากถึงสัดส่วน 90%  โดยมองว่าโครงการแนวราบยังมีเรียลดีมานด์อีกมาก ขณะที่คอนโดฯส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักลงทุนมากกว่าเรียลดีมานด์ ซึ่งในระยะเวลา 3-5 ปี(2566-2570) จะขยายฐานตลาดแนวราบระดับราคา 7-10 ล้านบาทขึ้นไปมากขึ้น เป็นสัดส่วน 75% โดยการพัฒนาโครงการแนวราบนั้น จะต้องใช้ที่ดินในการพัฒนาอย่างน้อย 20 ไร่ขึ้นไป จึงจะคุ้มค่ากับการลงทุน ซึ่งปกติโครงการบ้านเดี่ยวโดยทั่วไปขนาด 50 ตารางวา หากพัฒนาบนที่ดินจำนวนดังกล่าว จะได้ประมาณ 100 ยูนิต แต่บริษัทฯมั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาบ้านเดี่ยวได้มากกว่า 100 ยูนิต ส่วนจะพัฒนาในจังหวัดไหนบ้าง ยังไม่สามารถตอบได้ คงต้องดูสภาวะตลาดในช่วงนั้น และทำเลที่จะเข้าไปลงทุนว่ามีความต้องการมากเพียงใด และสินค้าประเภทไหนที่ตอบโจทย์ลูกค้า

“การปั้นแบรนด์มี 2 เรื่องหลัก คือ QUALITY พัฒนาสินค้าให้ตรงเซกเมนต์ ราคา และวัสดุก่อสร้าง เป็นไปตามที่กำหนด  และ Service ด้วยการสร้างแบรนด์ให้ดี น่าเชื่อถือ แต่เราจะไม่เล่นในเรื่องสงครามราคา โดยองค์ประกอบรวมในการที่จะเข้าไปพัฒนาโครงการแนวราบในต่างจังหวัดนั้น ต้องมีการสำรวจข้อมูล,ระบบขนส่งมวลชน,การแข่งขัน,ความต้องการผู้บริโภค,ดูจากผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (Gross Provincial Product : GPP) และสามารถต่อยอดโครงการในอนาคตได้ เบื้องต้นคงเข้าไปพัฒนาใน 4 จังหวัด ใน 3 ภาค  คือ ภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคอีสาน ซึ่งเป็นจังหวัดเดิมๆที่บริษัทฯเคยเข้าไปพัฒนาอยู่แล้ว บางจังหวัดเป็นที่ดินที่เพิ่งซื้อมาใหม่ บางจังวัดเป็นที่ดินที่เหลือจากการพัฒนาคอนโดฯ ซึ่งการพัฒนาโครงการแนวราบบริษัทฯตั้งเป้าจะปิดการขายให้ได้ภายใน 3 ปี เพราะหากมากกว่านั้นจะทำให้ต้องแบกภาระต้นทุนที่สูงขึ้นและผลกำไรน้อยลง” นายดำรงศักดิ์ กล่าว

นายดำรงศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันผู้ประกอบการรายใหญ่ที่เป็นเจ้าตลาดแนวราบในต่างจังหวัด คือ บริษัท ศุภาลัย จำกัด(มหาชน),บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด(มหาชน) และบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด(มหาชน) ซึ่งบริษัทฯมั่นใจว่าภายในระยะเวลา 10 ปี(ปี 2575) จะขึ้นเป็นผู้นำตลาดแนวราบในต่างจังหวัดอย่างแน่นอน โดยโมเดลการพัฒนาจะเน้นการสร้างมูลค่าให้กับชุมชนด้วย โดยโครงการที่จะเปิดใหม่ต้องมีมูลค่าการเติบโตต่อเนื่องปีละประมาณ 2,500-3,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคอนโดฯนั้น มีแผนที่จะยุบบางแบรนด์ และเก็บบางแบรนด์ไว้ เช่น ดรีม คอนโดฯ รวมไปถึงจะมีการสร้างแบรนด์ใหม่ มีการดีไซน์ที่ใช้ดาต้าเบส เป็นตัวกำหนดสินค้าว่าจะออกมาแบบไหนเพื่อตอบโจทย์ลูกค้า โดยจะให้มีความทันสมัยมากขึ้น

อย่างไรก็ตามจากการที่จัดแคมเปญ CP LAND Presents เจอสุข เจอนั่น เจอนี่” ซึ่งเป็นการประกาศรีเฟรชแบรนด์ใหม่ในรอบ 10 ปี ด้วยการนำ 5 ศิลปินมาร่วมจัดกิจกรรมในโครงการต่างๆของบริษัทฯเพื่อกระตุ้นปิดการขายโครงการให้ได้มากที่สุด โดยที่ผ่านมาส่งผลให้โครงการของบริษัทฯได้รับความสนใจและเข้าถึงได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ที่เข้าถึงลูกค้าได้ค่อนข้างมากสามารถช่วยผลักดันยอดขายอสังหาริมทรัพย์ในต่างจังหวัดของ CP LAND ขยายตัวเพิ่มขึ้นถึง 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2565 สร้างการเติบโตรายได้ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กว่า 800 ล้านบาทภายในแค่ช่วงครึ่งปีแรกเท่านั้น โดยเป้าหมายในปี 2566 ตั้งเป้ารายได้อสังหาริมทรัพย์รวมที่ 1,200 ล้านบาท จึงเชื่อว่าครึ่งปีหลังที่เหลืออยู่จะสามารถสร้างรายได้เกินกับเป้าหมายที่วางไว้

“แคมเปญ ‘CP LAND Presents เจอสุข เจอนั่น เจอนี่’ ถือเป็นการเดินหน้าจัดกิจกรรมส่งความสุขต่อเนื่อง หลังจากที่ CP LAND ภายใต้แนวคิด ‘คุณภาพเพื่อทุกชีวิต’ หรือ ‘Accessible Communities for Life’ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของทุกชีวิต และเพื่อต่อยอดความสำเร็จจากภาพยนตร์โฆษณา ‘ความสุขเกิดขึ้นได้ทุกที่รอบตัวคุณ’ ที่นำแสดงโดย สิงโต นำโชค ซึ่งถูกปล่อยไปเมื่อเดือนธันวาคม 2565  ให้เกิดขึ้นจริงด้วยการขนทัพคาราวานความสุขทั่วไทย จากผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นของแคมเปญนี้ ถือว่าเป็นที่น่าพอใจให้เป็นอย่างมาก ซึ่งนอกจากช่วยกระตุ้นในส่วนของยอดขายแล้ว ยังเป็นการเสริมสร้างความเข้มแกร่งด้านแบรนด์ดิ้ง และภาพลักษณ์ใหม่ของ CP LAND ให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังเป็นการตอบโจทย์เป้าหมายทางการตลาดในการดึงดูดลูกค้ากลุ่มใหม่ ๆ และยังเป็นการแทนคำขอบคุณลูกบ้านโครงการ แขกที่เข้าพักโรงแรมในเครือฟอร์จูนกรุ๊ป รวมถึงพันธมิตรทางธุรกิจที่ให้การสนับสนุนกันมาตลอด” นายดำรงศักดิ์ กล่าว

สำหรับแคมเปญ “CP LAND Presents เจอสุข เจอนั่น เจอนี่” ในครั้งที่ 4  จัดขึ้น ณ โครงการ “พาร์ค คอนโด ดรีม นครราชสีมา” โดยศิลปิน “สิงโต นำโชค” โดยคอนโดฯดังกล่าวมีขนาดตั้งแต่ 28-40 ตารางเมตร ในราคาพิเศษ เริ่มต้น 1.49 ล้านบาท และแคมเปญ “CP LAND Presents เจอสุข เจอนั่น เจอนี่” ครั้งที่ 5  จะพบกับนักร้อง ป็อป ปองกูล ณ โครงการทัสคานีมีนบุรี-ประชาร่วมใจ 37 ในวันที่ 2 กันยายน 2566

เกี่ยวกับบริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2531 ดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ประกอบด้วย 7 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1. ธุรกิจที่พักอาศัย บ้าน คอนโดมิเนียม 2. ธุรกิจอาคารสำนักงาน (ส่วนกลางและภูมิภาค) 3. ธุรกิจโรงแรม 4. ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม 5. ธุรกิจบริหารอาคาร 6. ธุรกิจพลังงาน 7. ศูนย์ประชุมไคซ์ – KICE ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติขอนแก่น

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*