พร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ รายงานตลาดคอนโดฯในกรุงเทพฯช่วง 3 ไตรมาสที่ผ่านมาชะลอตัวกว่า 43% เมื่อเทียบกับ 3 ไตรมาสของปี 2565 ประเมินทั้งปี 2566 จำนวนคอนโดฯเปิดขายใหม่ลดลงจากปี 2565 ประมาณ 30-50% ส่วนคอนโดฯตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ราคาขายไม่เกิน 1.3 แสนบาทต่อตร.ม.หรือไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิตเปิดตัวมากที่สุด

บริษัทพร็อพเพอร์ตี้ ดีเอ็นเอ จำกัด รายงานผลการสำรวจตลาดคอนโดมิเนียมในปี 2566 ว่า แม้ว่าเศรษฐกิจโดยรวมในปี2566 จะมีทิศทางที่เป็นบวกมากกว่าปีที่ผ่านมา แต่ปัจจัยลบก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่ต้องกังวล ทำให้ผู้ประกอบการชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ออกไป โดยเฉพาะปัญหาของหนี้ครัวเรือนและความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจระยะยาว ซึ่งมีผลต่อเนื่องต่อการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นการสร้างภาระในระยะยาว รวมไปถึงความเข้มงวดในการพิจารณาสินเชื่อของธนาคารต่างๆ ล้วนมีส่วนในการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัย ส่งผลให้อัตราการขายเฉลี่ยของโครงการคอนโดมิเนียมเปิดขายใหม่ไม่สูงมาก อีกทั้งผู้ซื้อที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยบางส่วนเลือกซื้อคอนโดฯที่สร้างเสร็จพร้อมโอนกรรมสิทธิ์ที่อาจจะมีส่วนลดเพิ่มเติมอีกด้วย

ทำให้จำนวนคอนโดฯเปิดขายใหม่ในปี2566 ลดลงกว่าปี2565 ประมาณ 30-50% แม้ช่วงไตรมาส 4 นี้จะเป็นอีก 1 ไตรมาสที่มีโครงการคอนโดฯเปิดขายใหม่มากขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นไป โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับไตรมาส 3 จะเห็นการเปิดตัวใหม่ที่ชัดเจนมากขึ้น โดยบางโครงการอาจจะมีการเปิดขายแบบไม่เป็นทางการหรือขายแบบออนไลน์ไปแล้วในช่วงไตรมาสที่ 3

โดยโครงการคอนโดฯที่เปิดขายใหม่ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมาจะอยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯรอบนอกเป็นหลัก คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60% ของคอนโดฯที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด โดยเฉพาะในย่านฝั่งธนบุรีมีโครงการเปิดขายใหม่มากกว่าพื้นที่อื่นๆ แบบชัดเจน ขณะที่พื้นที่เมืองชั้นในมีคอนโดฯเปิดขายใหม่แค่ 8% ของคอนโดฯที่เปิดขายใหม่ทั้งหมด

ส่วนพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้า ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ผู้ประกอบการโครงการคอนโดฯให้ความสนใจมาโดยตลอด โดยเฉพาะพื้นที่ตามแนวเส้นทางรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการแล้ว และเส้นทางรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการในอนาคต ซึ่งครอบคลุมพื้นที่กว้างมากขึ้น ยังคงมีโครงการคอนโดฯเปิดขายใหม่ต่อเนื่องในราคาขายไม่สูงมากหรือไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิต หรือไม่เกิน 100,000 บาทต่อตารางเมตร โดยเฉพาะคอนโดฯในระดับราคาไม่เกิน 80,000 บาทต่อตารางเมตรจะมีจำนวนมากที่สุด

ในขณะที่โครงการคอนโดฯที่มีราคาขายมากกว่า 100,000 บาทต่อ ตารางเมตรขึ้นไป ส่วนใหญ่จะมีราคาขายไม่เกิน 130,000 บาทต่อตารางเมตร ส่วนคอนโดฯที่มีราคาขายมากกว่า 130,000 บาทต่อตารางเมตรขึ้นไปมีเพียง 6% เท่านั้นของคอนโดฯที่เปิดขายใหม่ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา

“ผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจในระยะยาว นอกจากจะชะลอการเปิดขายโครงการใหม่ออกไปตั้งแต่ในช่วงไตรมาสที่ 3 แต่ถ้าพิจารณาจากระดับราคาขายของคอนโดฯที่เปิดขายใหม่จะเห็นได้ชัดเจนว่า ผู้ประกอบการต้องการเข้าถึงกำลังซื้อส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ซื้อที่มีรายได้ไม่สูงมาก ซึ่งถ้าพิจารณาในช่วงปี 2563 ถึงปัจจุบันจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่า คอนโดฯในระดับราคาไม่เกิน 100,000 บาทต่อตารางเมตรหรือไม่เกิน 3 ล้านบาทต่อยูนิตมีจำนวนมากกว่าคอนโดฯราคาขายมากกว่า 100,000 บาทต่อตารางเมตรแบบชัดเจน”

ส่วนอัตราการขายเฉลี่ยคอนโดฯเปิดขายใหม่ใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมา ไม่สูงมากเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แม้ว่าหลายโครงการจะสามารถปิดการขายหรือมีอัตราการขายที่สูงมาก รวมถึงบางโครงการมีคนมารอต่อคิวจองตั้งแต่ก่อนวันเปิดขายแบบเป็นทางการ หรือปิดการขายยูนิตที่เปิดขายแบบออนไลน์ แต่อัตราการขายเฉลี่ยอาจจะลดลงบ้างในช่วงไตรมาสที่ 3 เพราะหลายโครงการเปิดขายแบบเงียบๆ รวมถึงไม่มีการประชาสัมพันธ์หรือจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*