อสังหาฯ ชะอำ-หัวหิน ฮอต กลุ่มชาญอิสสระ จับมือกลุ่มสหพัฒน์ ควักงบกว่า 200 ล้านบาท ซื้อที่ดินย่านเขาตะเกียบ ผุดโครงการที่ 6 ในการร่วมทุน ภายใต้แบรนด์ “ซาซ่าส์ หัวหิน”มูลค่าโครงการ 1,709 ล้านบาท พร้อมเปิดขายครั้งแรก ในวันที่ 1-10 ธ.ค.66 คาดปี 67 กวาดยอดขายได้ประมาณ 50% มั่นใจตลาดอสังหาฯ หัวหินโตได้ต่อเนื่อง จับตาทำเลใกล้หาด ดันกำลังซื้อผู้บริโภครับดีมานด์พุ่ง
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการ บริษัท ไอ.ซี.ซี. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ประธานกรรมการ & กรรมการ บริษัทในเครือสหพัฒน์ ในฐานะ ประธานกรรมการ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด เปิดเผยว่า จากการพัฒนาโครงการร่วมกับชาญอิสสระ ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา จนถึงปัจจุบัน รวมแล้ว 6 โครงการ ตั้งแต่โครงการทิวทะเลเวิลด์ ชะอำ-หัวหิน ซึ่งประกอบด้วยคอนโดมิเนียม โรงแรม วิลล่า สถานีบริการปั๊มน้ำมัน ตลอดจน Commercial Area และโครงการ “ศศรา หัวหิน” ซึ่งทุกโครงการล้วนพัฒนาออกมาได้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยในหลากหลายไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต ทำให้ได้เห็นถึงศักยภาพการเป็นผู้นำการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในพื้นที่ ชะอำ-หัวหิน จะเห็นได้ว่าหลังจากที่เปิดตัวโครงการ “ศศรา หัวหิน” ไปเมื่อปี 2564 ปัจจุบันมียอดขายไปแล้วกว่า 70% และจะเริ่มทยอยโอนได้ในช่วงเดือนธันวาคม 2566 นี้ ซึ่งจากความสำเร็จดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นนี้ยังเติบโตได้ต่อเนื่อง ขณะเดียวกันโปรดักส์ที่พัฒนาออกมายังสามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้อย่างตรงจุด

“จากการพัฒนาโครงการร่วมกันมากว่า 10 ปี ทำให้มั่นใจว่าเรามีความเชี่ยวชาญ มีศักยภาพในการวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย และนำมาซึ่งการพัฒนาโปรดักส์ที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าในทุกๆ เซกเมนต์ได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัว กลุ่มวัยทำงาน กลุ่มนักท่องเที่ยว กลุ่มวัยเกษียณ ว่ามีพฤติกรรม ความชอบ และกิจกรรมในวันพักผ่อนอย่างไร”นายบุญเกียรติ กล่าว

นายสงกรานต์ อิสสระ

ด้านนายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะรองประธานกรรมการ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด กล่าวว่า ในปัจจุบันตลาดชะอำ-หัวหิน ยังเป็นพื้นที่ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ เพราะเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวสำคัญ ส่งผลให้ดีมานด์ที่อยู่อาศัยมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ทั้งซื้อเพื่ออยู่เอง ซื้อเพื่อการลงทุน ซื้อเพื่อเป็นบ้านพักหลังที่สอง เพราะโซนหัวหินนอกจากจะมีทะเลและหาดทรายสวยแล้ว ยังเป็นที่ตั้งของสนามกอล์ฟชั้นนำของประเทศไทย เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการใช้เวลาช่วงวันหยุดไปกับการเล่นกอล์ฟท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นธรรมชาติ จึงเชื่อว่าภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปี 2567 จะฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมโรงแรม-รีสอร์ท ที่มีนักท่องเที่ยวกลับมามากขึ้น

“นอกเหนือจากปัจจัยของหัวหินที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ปัจจัยและสภาพแวดล้อม ยังมีแนวโน้มเติบโตมากขึ้นไปอีก จากโครงการต่างๆ ของภาครัฐที่กำลังพัฒนาขึ้น อาทิ โครงการผลักดันให้หัวหินเป็นชายทะเลเพื่อการพักผ่อนระดับโลก โครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-หัวหิน โครงการมอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ โครงการปรับปรุงและขยายสนามบินหัวหิน เหล่านี้จึงเป็นข้อสรุปได้ว่าหัวหินยังเป็นทำเลที่มีศักยภาพสูงของอสังหาริมทรัพย์ไทย”นายสงกรานต์ กล่าว

นายสงกรานต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมา ได้พัฒนาโครงการในทำเลชะอำ-หัวหิน มาแล้วประมาณ 13 โครงการ จำนวนทั้งหมด 1,640 ยูนิต รวมพื้นที่ประมาณ 150,000 ตารางเมตร ถือว่าเป็นผู้พัฒนาโครงการใหญ่ที่สุด(ในด้านมูลค่า)ในย่านชะอำ-หัวหิน เชื่อว่าเมื่อรถไฟรางคู่รวมไปถึงทางด่วนสายพระราม3-ดาวคะนอง-วงแหวนตะวันตกและทางยกระดับลอยฟ้าบางขุนเทียน-เอกชัย-บ้านแพ้ว ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการ จะยิ่งเพิ่มศักยภาพและเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางมากขึ้น

ล่าสุดบริษัทเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ “ซาซ่าส์ หัวหิน”(SASA Hua Hin) บนที่ดินผืนงามบริเวณเขาตะเกียบ ที่ซื้อมาด้วยเม็ดเงินจำนวน 200 กว่าล้านบาท โดยมีจุดเด่นของทำเลวิวทะเล และใกล้สนามกอล์ฟ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ และกิจกรรมไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโครงการใหม่หลังจากประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ “ศศรา หัวหิน” ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อรองรับดีมานด์ของกลุ่มเป้าหมาย โดยโครงการ ซาซ่าส์ หัวหิน ถือเป็นโครงการที่ตั้งอยู่บนทำเลทองหายากและน่าจับตามอง เนื่องจากมีทำเลอยู่ใกล้ทะเล และสนามกอล์ฟ  โดดเด่นด้วยแนวคิดการออกแบบโครงการที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบในการพัฒนาโครงการของบริษัทตลอดที่ผ่านมา

นอกจากนี้บริษัทฯยังอยู่ระหว่างการมองหาซื้อที่ดินในบริเวณใกล้เคียงเข้ามลพัฒนาเพิ่มเติม พร้อมกับวางแผนเปิดโครงการใหม่ในปี 2567 จำนวน 2 โครงการ ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูสในภูเก็ต และบ้านเดี่ยวหรูในทำเลกรุงเทพกรีฑา พร้อมเตรียมพัฒนาวิลล่า 4 หลังสุดท้าย บนที่ดินผืนสุดท้ายของศรีพันวา ภายในปี 2567 เช่นกัน

นายดิฐวัฒน์ อิสสระ
ขณะที่ นายดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ร่วมอิสสระ จำกัด กล่าว่า โครงการ “ซาซ่าส์ หัวหิน”(SASA Hua Hin) ถือเป็นที่ดินที่ค่อนข้างหายากในทำเลเขาตะเกียบ ตั้งอยู่บริเวณซอยอ่าวหัวดอน ตำบลหนองแก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ บนพื้นที่ 3 ไร่เศษ พัฒนาในรูปแบบคอนโดมิเนียม สูง 7 ชั้น 3 อาคาร ขนาด 32-183 ตารางเมตร ราคาขายเริ่มต้นที่ 3.9-21.8 ล้านบาท  จำนวน 254 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,709 ล้านบาท พร้อมเปิดขายครั้งแรก ในวันที่ 1-10 ธันวาคม 2566 คาดว่าในกลางปี 2567 จะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 50%

โดยแนวคิดของโครงการ “ซาซ่าส์ หัวหิน”นั้นต้องการให้เป็นสถานที่สำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองใหญ่ เข้าสู่เมืองพักผ่อนที่รายล้อมด้วยธรรมชาติ จากจุดเด่นของทำเลที่ใกล้สนามกอล์ฟ และทะเล มีความเงียบสงบกว่าโซนอื่นๆ ในเมืองหัวหิน ออกแบบโดย บริษัท แฮบบิตา จำกัด บนทำเลที่มีความเป็น “Dynamic Lifestyle” รายล้อมด้วยธรรมชาติที่สมบูรณ์งดงาม อย่างป่าโกงกาง อีกทั้งยังมีกิจกรรมเพื่อความผ่อนคลายมากมาย

สำหรับจุดเด่นของโครงการ ซาซ่าส์ หัวหิน เน้นการออกแบบที่ตอบรับไลฟ์สไตล์ของคนทุกเจเนอเรชั่น แต่ละอาคารมีการออกแบบให้ผู้พักอาศัยสามารถเข้าถึง และเชื่อมต่อกับสวนส่วนกลางได้สะดวกสบาย มีการออกแบบห้องหน้ากว้างสามารถเปิดรับมุมมองที่มองไปยังวิวที่มี Foreground เป็นสนามกอล์ฟ / Middle ground เป็นหาดทรายขาวแนวทิวสน และ Background เป็นผืนทะเลและผืนฟ้า นอกจากนี้โครงการยังมีห้องไฮไลท์ที่เป็นห้อง Penthouses  ออกแบบให้มีลักษณะเหมือน “บ้าน” และห้อง Duplex เมื่อเปิดเข้าห้องมาจะเจอกับ Stair hall และ Mini courtyard ภายในห้อง เปิดให้มีแสงและลม สร้างบรรยากาศ โปร่ง โล่ง สบาย เข้าสู่ห้อง ขณะเดียวกันการออกแบบห้องยังคำนึงถึงการใช้งานของผู้สูงวัยออกแบบมารองรับ Senior living นอกจากนี้ยังโดดเด่นเรื่องความเป็นส่วนตัว โถงทางเดินหน้าห้องพักอาศัยออกแบบเป็น Single corridor อีกด้วย

นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร
นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร ประธานบริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จากข้อมูลของซีบีอาร์อีฯต่อภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ใจกลางหัวหินที่ผ่านมาถือว่ามีผลประกอบการที่ดีอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากยังคงมีดีมานด์จากกลุ่มผู้ซื้อที่ต้องการบ้านหลังที่สองเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน สัดส่วนมากถึง 76% ดังนั้นจึงค่อนข้างมีความมั่นคงกว่าตลาดเก่งกำไร และผู้ซื้อส่วนใหญ่มีอายุตั้งแต่ 41-50 ปี มากถึง 35% รองลงมาเป็นช่วงระหว่างอายุ 51-60 ปี สัดส่วน 27% และช่วงระหว่างอายุ 31-40 ปี สัดส่วน 26%

และดีมานด์จากชาวต่างชาติกลุ่มใหม่ๆเพิ่มขึ้น ในขณะที่โครงการเปิดตัวใหม่มีจำนวนน้อย เนื่องจากที่ดินชายทะเลที่เหมาะสมในการพัฒนามีจำกัด ในปี 2565 มีโครงการใหม่เปิดตัวในหลากหลายเซกเมนต์ ซึ่งแตกต่างจากช่วงปี 2563-2564 หรือช่วงที่เผชิญกับสถานการณ์โควิด-19 ที่มีแต่โครงการระดับลักชัวรี่ริมชายหาดเปิดตัวเท่านั้น ซึ่งโครงการที่สามารถทำยอดขายได้ดีส่วนใหญ่

นอกจากโครงการติดทะเลแล้ว ยังจะรวมถึงโครงการที่อยู่ใกล้ชายหาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการที่เดินถึงชายหาดในระยะไม่เกิน 300 เมตร เนื่องจากโครงการประเภทนี้จะมีราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรต่ำกว่าโครงการที่อยู่ติดชายหาดโดยตรง แต่ก็ยังคงได้ไลฟ์สไตล์ไม่ต่างจากโครงการที่ติดชายหาด ทำให้โครงการประเภทนี้มียอดขายสูงถึง 100%

ส่วนภาพรวมตลาดคอนโดฯใจกลางเมืองหัวหินพบว่ามีสัญญาณบวกที่ดีเช่นกัน ดูได้จากโครงการที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2560-2565 มียอดขายรวมถึง 85% ซึ่ง ซาซ่าส์ หัวหิน นับเป็นโครงการแรกที่เปิดตัวมาในปี 2566 นี้ และมีจุดเด่นหลักคือที่ตั้งโครงการซึ่งอยู่ห่างจากชายหาดเพียง 250 เมตรเท่านั้น อีกทั้งยังได้วิวทะเล และวิวสนามกอลฟ์อีกด้วย

จากข้อมูลของซีบีอาร์อีซึ่งเน้นตลาดระดับลักชัวรี่ ในส่วนของกลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียมในหัวหิน จากเดิมคนไทยมักจะเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่เลือกซื้อคอนโดมิเนียมที่หัวหินไว้เป็นบ้านหลังที่สอง แต่หลังจากปี 2563 เป็นต้นมา เริ่มมีชาวต่างชาติให้ความสนใจซื้อคอนโดมิเนียมในหัวหินกันมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชาวยุโรป โดยเฉพาะชาวรัสเซียซึ่งเป็นเชื้อชาติที่มีการซื้อคอนโดมิเนียมในหัวหินเป็นอันดับ 2 คิดเป็นสัดส่วน 22% รองจากคนไทย ที่มีสัดส่วน 70% และมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงปีที่ผ่านมา โดยภาพรวมถือว่าตลาดหัวหินนับว่ามีดีมานด์ที่ต่อเนื่องและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืน

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*