กลุ่มชาญอิสสระ ทุ่ม 20,000 ล้านบาทเขย่าวงการอสังหาฯ ครั้งใหญ่ ลุยพัฒนา 4 บิ๊กโปรเจกต์อสังหาฯมิกซ์ยูสโรงแรม ทั้งในกรุงเทพฯ ชะอำหัวหิน และภูเก็ต บนพื้นที่ดินรวม 123 ไร่ภายใน 5 ปี ประเดิม The Sky Series ภูเก็ต พูลวิลล่าสุดหรูบนที่ดินผืนสุดท้ายของศรีพันวา ,ซาซ่าส์ หัวหิน และบ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury วงแหวนพระราม 9 เดินหน้าลุยตลาดมิกซ์ยูสภูเก็ตเจาะกลุ่มลูกค้าไทยเทศ ขึ้นแท่น แบรนด์โปรดักส์หรู ครองตลาดที่อยู่อาศัย พร้อมเตรียมโอน 2 บิ๊กโปรเจกต์ โครงการดิ อิสสระ สาทรและศศรา หัวหินมูลค่า 2,500 ล้านบาท
นายสงกรานต์ อิสสระ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด(มหาชน) หรือ CI เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจภายใน 5 ปีนี้ว่า มีแผนลงทุนในส่วนของธุรกิจอสังหาฯมิกซ์ยูสและโรงแรม รวม 4 โปรเจกต์ยักษ์ บนที่ดินรวม 123 ไร่ มูลค่าโครงการรวม 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ประเดิมโครงการบ้านพักตากอากาศพูลวิลล่าสุดหรู “The Sky Series”สไตล์ Modern Natural มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท บนที่ดิน 6 ไร่ ซึ่งเป็นที่ดินผืนสุดท้ายของโครงการศรีพันวา ภูเก็ต ,โครงการซาซ่าส์ หัวหิน (SASA Hua Hin) ลักชัวรี่คอนโดมิเนียม บนที่ดินกว่า  3 ไร่ วิวทะเล และสนามกอล์ฟมูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท ซึ่งเปิดตัวไปแล้วเมื่อช่วงเดือน พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา ต่อด้วย โครงการบ้านเดี่ยวระดับ Ultra Luxury วงแหวนพระราม 9 ซึ่งจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567
อีกหนึ่งโครงการที่ถือเป็นเมกะโปรเจกต์ ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ยูสที่มีทั้งคอมเมอร์เชียลโซน เรสซิเดนซ์เชียล และโฮเทลแอนด์รีสอร์ท บนทำเลศักยภาพ ในจังหวัดภูเก็ตบนที่ดินกว่า 70 ไร่ มูลค่าโครงการกว่า 10,000 ล้านบาท โดยจะเริ่มก่อสร้างในปี 2567 นี้เช่นกัน เพื่อเป็นการรองรับการกลับมาของภาคธุรกิจอสังหาฯท่องเที่ยว ที่มีทิศทางเติบโตอย่างเห็นได้ชัด

ภาพรวมธุรกิจท่องเที่ยวไทยและธุรกิจโรงแรมในปี 2566 ยังคงคึกคักต่อเนื่องจากช่วงไตรมาส4 ของปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากชาวต่างชาติ อย่างจังหวัดภูเก็ต ซึ่งมีอัตรานักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น 90% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน อย่างเห็นได้ชัดเจน โดยในส่วนของโรงแรมในเครือทั้ง 3 แห่ง โรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต, โรงแรมบาบาบีช คลับ นาใต้และ โรงแรมบาบาบีช คลับ หัวหิน สามารถทำรายได้ช่วงไฮซีซั่นได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์รายได้ของปี 2566 จะเพิ่มขึ้นประมาณ 50%  เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน และคาดการณ์ธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทยจะปรับตัวดีขึ้นเป็นลำดับ โดยมีปัจจัยบวกมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เพิ่มขึ้นและมีการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวกลุ่ม Middle East อย่างมากอีกด้วยนายสงกรานต์ กล่าว

ทั้งนี้จากทิศทางการเติบโตของกลุ่มตลาดลักชัวรี่ และกระแสการตอบรับที่ดีของโครงการในกลุ่มชาญอิสสระฯโดยปีนี้เตรียมโอน 2 บิ๊กโปรเจกต์ อย่างโครงการดิ อิสสระ สาทรซึ่งมียอดขายแล้วประมาณ 55% และโครงการศศรา หัวหินมียอดขายประมาณ 75% ซึ่งปัจจุบันทั้งสองโครงการมียอดขายรอโอน (Backlog) รวมประมาณ 2,500 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามจากแผนการพัฒนาโมเดลธุรกิจดังกล่าวของกลุ่มชาญอิสสระฯ ที่จะพัฒนาในก้าวต่อจากนี้ไป จะเป็นแกนสำคัญในการผลักดันเป้ารายได้ และสร้าง Brand Awareness ที่แข็งแกร่งให้กับชาญอิสสระฯ ไปสู่ระดับโลก ผ่านการขับเคลื่อนกลยุทธ์ที่สำคัญของการพัฒนาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในทุกๆ ด้าน มีความครบวงจรในด้านการให้บริการในระดับพรีเมี่ยม พร้อมขึ้นแท่นแบรนด์หรูครองความเป็นผู้นำด้านตลาดลักชัวรี่ในประเทศไทย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*