คำถามที่ว่าคนไทยซื้อบ้านปลูกบ้าน เชื่อซินแส มากกว่าสถาปนิกจริงหรือไม่ ยังเป็นคำถามที่หลายๆคนเห็นคำตอบอยู่แล้ว เพราะผู้ที่ต้องการสร้างบ้าน หรือซื้อบ้าน แต่ละครั้ง จะให้ความสนใจและใส่ใจในทุกๆส่วน ตั้งแต่การดูฮวงจุ้ยที่ดิน ว่าควรเลือกลักษณะที่ดินแบบไหนถึงจะดีเพราะที่ดินดี ถูกต้องตามลักษณะฮวงจุ้ย ต้องสามารถส่งผลทั้งด้านบวกให้แก่เจ้าของบ้านและผู้อยู่อาศัยได้อีกด้วย
โดยประเทศจีน ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของศาสตร์ฮวงจุ้ย ข้อมูลที่ได้รับมาจากซินแสจึงถือเป็นหนึ่งในข้อกำหนดของการออกแบบที่เจ้าของโครงการควรจะแจ้งให้สถาปนิกทราบตั้งแต่ช่วงแรกของการออกแบบ เพื่อใช้เป็นหลักในการวางผัง กำหนดทิศทางและตำแหน่งของพื้นที่เฉพาะ ที่ควรจะอยู่ตรงทิศนั้น  ซึ่งก็จะแปรผันไปตามการใช้งานของอาคารและการไหลเวียนที่อยากให้เกิดขึ้นในโครงการ แต่ก็จะมีในบางรายที่ให้สถาปนิกออกแบบบ้านไปแล้ว หรือซื้อบ้านในโครงการบ้านจัดสรรไปแล้ว ค่อยให้ซินแสมาดูฮวงจุ้ย ผลที่ออกมาก็คือต้องมีการรื้อแบบ แก้แบบ และปรับฮวงจุ้ยใหม่ ซึ่งจะเห็นได้มากในกลุ่มเจ้าของบ้านที่เป็นกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) หรือ Gen-B เป็นผู้ที่เกิดระหว่างปี .. 2489 – 2507 ที่มีความเชื่อในเรื่องของหลักฮวงจุ้ยเป็นอย่างมาก
Prop2morrow จึงได้ไขข้อข้องใจ ด้วยการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้าน,สถาปนิกและซินแสฮวงจุ้ย โดยเริ่มจาก
นายสุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ
ซินแสยังมีความสำคัญในการดูฮวงจุ้ยควบคู่ธุรกิจรับสร้างบ้าน
นายสุรัตน์ชัย กึงฮะกิจ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ดิ เอ็มเพอเร่อร์ เฮ้าส์ จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านระดับพรีเมี่ยม ภายใต้แบรนด์อาคาร่า” (ACARA)ระดับราคา 25 ล้านบาทขึ้นไปและแบรนด์ เอ็มเพอเร่อร์ ระดับราคาตั้งแต่ 40-530 ล้านบาท  เปิดเผยว่า ลูกค้าที่สร้างบ้านหลังใหญ่ เริ่มจากผู้ที่ไม่มีความเชื่อในเรื่องฮวงจุ้ยเลย แต่พอมีผู้ทักเรื่องฮวงจุ้ย สุดท้ายก็ต้องไปถามซินแสอยู่ดี เพราะฉะนั้นจากประสบการณ์ 30 กว่าปี ที่ผ่านมาจะเจอปัญหาดังกล่าวทุกหลังดังนั้นทีมงานจะมีความรู้ในเรื่องของศาสตร์ฮวงจุ้ยควบคู่กับความรู้ด้านสถาปนิกด้วย ตั้งแต่เห็นแปลงที่ดิน และจะให้ลูกค้าเจรจากับซินแสในเบื้องต้นก่อน พร้อมกับนำเสนอแบบบ้านที่ลูกค้าต้องการ เพื่อนำไปให้ซินแสได้พิจารณาถึงทิศทางที่ถูกหลักฮวงจุ้ย แต่ก็มีบ้างที่ทำให้ตำแหน่งของบ้านไม่เป็นไปตามรูปร่างของที่ดิน เช่น ที่ดินเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า บ้านจะต้องตั้งฉาก แต่เมื่อซินแสมาดูก็ทำให้แบบบ้านบิดไปเล็กน้อย

โดยซินแสเป็นผู้กำหนดการวางผังของบ้าน โดยกำหนดมุม(องศา)ให้สมพงษ์กับวัน เดือน ปีเกิดของเจ้าของบ้าน เมื่อออกแบบเสร็จ ก็ต้องมาตรวจดูว่าตรงกับตำราฮวงจุ้ยหรือไม่ ลูกค้าที่ใช้บริการมีทุก Generation ทั้งชาวไทย ลาว เมียนมา บางรายยังไม่มีซินแส บริษัทก็พร้อมที่จะประสานงานให้ โดยเฉพาะ ซินแสภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุลเพราะหากเป็นบ้านหลังใหญ่โดยเฉพาะบ้านสร้างเอง ก็จำเป็นต้องพึ่งพาซินแส ซึ่งสถาปนิกบริษัททุกคนจะทำงานจนรู้ศาสตร์ โดยในส่วนของบริษัทฯเองนั้นกำลังมีดีลใหญ่กับลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ(ลาวและเมียนมา) ขนาดที่ดินตั้งแต่ 10-20 ไร่ขึ้นไป

เมื่อออกแบบบ้านเสร็จ ก็ต้องมาดูเรื่องการตกแต่งภายใน (Interior) โดยเฉพาะตำแหน่งหัวเตียงจะสำคัญมาก ซึ่งเราอยู่ธุรกิจมานานก็ต้องทำใจ และทำงานคู่กับซินแสไปอย่างต่อเนื่องเคยมีเคสหนึ่งที่ทำไปแล้ว และลูกค้าไปต่อเติมในภายหลัง โดยเฉพาะในห้องนอน และไปเปลี่ยนทิศเตียงนอน เพื่อให้ห้องมีขนาดใหญ่ขึ้น แต่เมื่อผ่านไประยะหนึ่งได้ส่งผลต่อสุขภาพและเมื่อไปปรึกษาซินแสก็หาย ซึ่งก็เป็นความเชื่อของทั้ง 2 ฝ่าย

ใช้เหตุและผลเชิงวิทยาศาสตร์ควบคู่

นายสุรชัย นิ่มสมบูรณ์ สถาปนิกอาวุโส  กลุ่มบิวท์ ทู บิวด์  กล่าวว่า ตรงนี้ทำให้ต้องมีการศึกษาเรื่องฮวงจุ้ยและมาปรับใช้ในการออกแบบ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องมาปรับแก้มาก ซึ่งสามารถนำมาเป็นองค์ความรู้ประกอบ แต่โดยหลักก็ยังต้องยังใช้เหตุและผลในเชิงวิทยาศาสตร์เข้ามาตัดสินใจของนักออกแบบควบคู่กันไป ซึ่งก็จะสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า แต่โดยรวมลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ ก็ยังมีความเชื่อซินแสมากกว่า โดยสัดส่วนลูกค้าประมาณ 30-40% จะมีความเชื่อในเรื่องศาสตร์ฮวงจุ้ย และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ ส่วน Gen X ก็มีความเชื่อบ้างเล็กน้อย ในส่วนของห้องน้ำ บันได ต้องเป็นเลขคี่ และห้องนอน เชื่อว่าหลักฮวงจุ้ย กลุ่มเบบี้บูมเมอร์ ยังมีการส่งต่อความสำคัญไปยังGen X และ GenY แต่ก็จะน้อยลงกว่ากลุ่มเบบี้บูมเมอร์ส่วน GenZ จะเน้นความเชื่อของตัวเอง

ล่าสุดเมื่อปลายปี 2566 ได้ออกแบบบ้านขนาดใหญ่ มูลค่า 60-70 ล้านบาท ให้กับลูกค้าที่เป็นเจ้าของธุรกิจ ในกลุ่มเบบี้บูมเมอร์ ที่ความเชื่อในเรื่องของหลักฮวงจุ้ย ซึ่งในความจริงต้องให้ซินแสมาดูที่ดิน และตำแหน่งที่ตั้งของบ้าน แต่กรณีนี้ลูกค้ามาเลือกแบบบ้าน และวางฟังก์ชันบ้านทั้งหมดแล้ว  ซึ่งมีจำนวน 2 หลังในพื้นที่เดียวกัน หลังจากนั้นจึงเอาไปให้ซินแสดู แต่ซินแสดูแล้ว ได้แนะนำให้มีการวางตำแหน่งบางส่วนใหม่ เช่น สระว่ายน้ำ ที่ความต้องการเดิมของลูกค้า ต้องการเอาไว้หลังบ้าน แต่ตามหลักฮวงจุ้ยต้องเอาไปไว้ด้านหน้าบ้าน ส่งผลต้องให้ปรับเลย์เอาท์ และมีการปรับตำแหน่งพื้นที่ส่วนต่างๆในตัวบ้านอีกประมาณ 50% เป็นต้น ซึ่งทำให้เสียเวลาในการปรับแบบประมาณ 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดบ้าน โดยในช่วงการปรับแบบก็จะมีการเข้าไปคุยกับซินแส เพื่อให้ได้รายละเอียดที่ชัดเจนและถูกต้อง

ส่วนใหญ่ที่ประสบคือประตูทางเข้ารั้วหน้าบ้าน ไม่ควรตรงกับประตูในตัวบ้าน เน้นเรื่องลม  และประตูหน้าบ้านกับหลังบ้าน ที่ไม่ควรตรงกันเช่นกัน ซึ่งเป็นมุมมองที่ตรงกันในความเชื่อของซินแสและสถาปนิกเรื่องการไหลเวียนของลม จะตรงกัน ในเรื่องการออกแบบส่วนใหญ่จะเจอในเรื่องของห้องนอน กับห้องน้ำ และห้องน้ำกับครัว ต้องไม่ตรงกัน

ดร.ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล

เข้าสู่ยุคสุดท้ายของฮวงจุ้ยรอบ 180 ปี

ดร.ภาณุวัฒน์ พันธุ์วิชาติกุล นักโหราศาสตร์ ดูดวง ฮวงจุ้ย ชื่อดัง กล่าวว่า ลูกค้าเมื่อจะซื้อบ้านก็จะเลือกซินแส โดยก่อนเลือกซื้อบ้านก็ต้องดูที่มาที่ไปของซินแสด้วย ต้องมีผลงานที่น่าเชื่อถือมีคุณธรรม ไม่หลอกลวง  ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ สำหรับในส่วนของอาจารย์เองนั้น จะมีหลักเกณฑ์การดูฮวงจุ้ย จะต้องมีหลักเกณฑ์ตามศาสตร์ ซึ่งลูกค้าจะ มีทุกเจเนอเรชัน(Generation) ที่ใช้บริการมีทั้งไปดูที่ดิน และร่วมออกแบบบ้านกับสถาปนิก เพราะการจะเลือกสร้างที่อยู่อาศัยที่ดี ควรต้องเริ่มตั้งแต่การเลือกที่ดิน ต้องถูกต้องตามหลักเกณฑ์ ดังนั้นการเลือกซินแสต้องมีความระมัดระวังด้วยเช่นกัน เพราะระดับความรู้ของซินแสแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เสมือนจบการศึกษาในระดับชั้นไหน ซึ่งฮวงจุ้ยจะต้องดูองค์ประกอบการหลายอย่างด้วยกัน เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน เพราะต้องใช้ดวงของเจ้าของบ้านมาประกอบในการคำนวณตามหลักโหราศาสตร์ด้วย เช่น ไม่ควรเลือกที่ดินบริเวณทางสามแพร่ง ,ใกล้เมรุเผาศพ ,ตรงข้ามโรงพยาบาล ,ใกล้โรงงานที่มีกลิ่นเหม็น ,ใกล้หม้อแปลงไฟฟ้า ก็มีโอกาสที่จะเป็นมะเร็ง ซึ่งที่อยู่อาศัยที่ดีต้องอยู่ใกล้ที่ทำงาน ซึ่งอาจจะเป็นบ้านหลังที่สอง ส่วนบ้านหลังแรกจะอยู่นอกเมือง หรือสถานศึกษาของลูกหลาน ดังนั้นบ้านไม่จำเป็นต้องใหญ่โต ขอเพียงให้อยู่ดีมีสุข

 ฮวงจุ้ยจะมีการเปลี่ยนแปลงทุกๆ 20 ปี ซึ่งทั่วโลกจะครบในวันที่  5 กุมภาพันธ์ 2567 ถือเป็นยุคที่ 9 ที่เรียกว่ายุคกรรมสนองกรรมใครทำกรรมอะไรก็ได้รับกรรมในชาตินี้อย่างรวดเร็ว  ถือเป็นยุคสุดท้ายของฮวงจุ้ยรอบ 180 ปี

ห่วงบ้านจัดสรรแบงก์เลือกปล่อยสินเชื่อตามหลักฮวงจุ้ย

บ้านที่เคยรุ่งเรืองก็อาจกลายเป็นบ้านตกอับ บางครอบครัวเกิดความแตกแยก ธุรกิจเกิดความเสียหาย ซึ่งห่วงบ้านจัดสรรในยุคปัจจุบันมาก ซึ่งมีผู้ประกอบการธุรกิจบ้านจัดสรร ปรารภว่า ธนาคารต่างๆถึงกับแจ้งว่า หากเป็นบ้านจัดสรรที่สร้างบ้านหันหน้าออกทางทิศตะวันออกและตก จะไม่ปล่อยสินเชื่อรายย่อย แต่ถ้าเป็นบ้านที่สร้างในแนวหันหน้าออกทางทิศเหนือและทิศใต้ จึงจะปล่อยสินเชื่อรายย่อย และบ้านพวกนี้ต่อไปในอนาคตจะติดลบ ซึ่งหากเป็นบ้านจัดสรร ก็ต้องไปปรับแก้ให้ลูกค้า โดยเฉพาะประตูทางเข้าตัวบ้าน แต่บ้านบางหลังที่ทิศทางที่ไม่ดีจริงๆก็ไม่สามารถปรับแก้ได้ เฉกเช่นเดียวกับแพทย์ ก็ไม่สามารถรักษาคนไข้ได้หมดทุกโรค

สำหรับคอนโดฯก็มีความน่าเป็นห่วง เพราะก่อสร้างมากเกินไป แออัด บางโครงการอยู่ในซอยถือว่าทิศทางฮวงจุ้ยก็ไม่ดี  ทั้งในด้านการคมนาคม ที่ไม่สะดวกสบาย รวมไปถึงเรื่องความปลอดภัย ซึ่งอยู่อาศัยก็จะมีแต่ปัญหา ซึ่งก็มีชาวต่างชาติบางจำพวกมาซื้อมากเกินไปจนน่าสงสัย ผู้ประกอบการก็จะเหนื่อย เพราะซัพพลายมากเกินไป ไม่สมดุลกับดีมานด์ ผู้ประกอบการต้องดูสิ่งแวดล้อมโดยรอบด้วย บางรายหากสร้างไม่ถูกจังหวะก็แย่เหมือนกัน ซึ่งต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง อย่าไปโทษแต่รัฐบาล โดยสต๊อกที่มากเกินก็ต้องใช้ระยะเวลาในการระบาย

ปีนี้เป็น มังกรธาตุไม้ เพราะฉะนั้นการดูที่จะใช้ซินแส ต้องดูที่มาที่ไปของซินแสก่อน และอย่าเล่าเรื่องของคนในบ้านให้ซินแสฟัง บ้านทางสามแพร่ง ทางโค้งตวัด จะไม่ดี โดยซินแสต้องไปดูที่ดินจริง ไม่ใช่ดูจากโฉนด ส่วนบ้านคอนโดฯ มือสองต้องตรวจสอบก่อนว่าขายเพราะอะไรเพราะบางหลังหมดยุครวยไปแล้ว ดังนั้นจะซื้อบ้านต้องดูจังหวะชีวิตให้ดี อีกทั้งบางทีการซื้อบ้านหรือคอนโดฯ แม้จะวิวดี แต่ฮวงจุ้ยไม่ดี ทั้งนี้ต้องดูประตูบ้านหลักเป็นอันดับแรก บ้านจัดสรรต้องเลี่ยงบางเรื่อง เช่น วงเวียน หากมีก็ต้องดูแลให้ดี  และอย่าซื้อบ้านที่อยู่สุดซอยตันจะประสบปัญหาขัดแย้งภายในครอบครัว มีอุปสรรค

สุดท้ายแล้วผู้เป็นเจ้าของบ้านก็ยังมีความเชื่อในเรื่องของศาสตร์ฮวงจุ้ย ด้วยการพึ่งพาซินแสโดยเฉพาะวัยเบบี้บูมเมอร์ เพราะต้องการอยู่อาศัยด้วยความร่มเย็นเป็นสุข ไร้อุปสรรค ขณะเดียวกันบนพื้นฐานความเชื่ออย่างไรก็ต้องพึ่งพาการออกแบบของสถาปนิกด้วยเช่นกัน ดังนั้นจะเห็นได้ว่าสถาปนิกส่วนใหญ่เริ่มมีการปรับตัวเรียนรู้ศาสตร์ฮวงจุ้ยด้วยเช่นกัน  

 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*