โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ปักธงรายได้รวมปี 2567 แตะ 14,000 ล้านบาท และยอด Pre-sale 18,000 ล้านบาท หลังปรับโครงสร้างธุรกิจใหม่เน้น 2 ธุรกิจหลัก อสังหาฯเพื่อขาย วางแผนเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 14,310 ล้านบาท และธุรกิจบริการ หนุนสร้างรายได้ประจำ ตั้งเป้านำบริษัทเซิร์ฟ โซลูชั่น เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3ปี

นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัทโนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE เปิดเผยว่า   ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2567 น่าจะเป็นปีที่ดีขึ้นจากปัจจัยบวกด้านสภาพเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวกลับมา ประกอบกับรัฐบาลใหม่เริ่มดำเนินนโยบายต่างๆ ได้เต็มปีในปีแรกและคาดว่าจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจได้ไม่มากก็น้อย อีกทั้งดอกเบี้ยยังอยู่ในภาวะทรงตัวและมีแนวโน้มลดลงทำให้นักลงทุนกล้าจับจ่ายใช้สอยและกล้าลงทุนมากขึ้น

ล่าสุดบริษัทได้มีการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจใหม่ โดยเน้นการลงทุน 2 ธุรกิจหลัก คือ Residential Real Estate และ New Business พร้อมแต่งตั้งนายศิระ อุดล รับผิดชอบดูแลงานด้านพัฒนาที่อยู่อาศัยทั้งบ้านแนวราบและคอนโดมิเนียม ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์  และนายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร รับตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจใหม่ ดูแลงานบริการทั้งด้านธุรกิจบริหารนิติบุคคล ธุรกิจบริการฝากขาย-ปล่อยเช่า ภายใต้บริษัทใหม่ที่ชื่อว่าบริษัท เซิร์ฟ โซลูชั่น จำกัด โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายรายได้รวมอยู่ที่ 14,000 ล้านบาท และยอดขายจำนวน 18,000 ล้านบาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทประสบความสำเร็จจากการขายโครงการ โดยทำยอดขาย ได้กว่า 14,900 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากสินค้าสร้างเสร็จพร้อมอยู่จำนวน 6,600 ล้านบาท ยอดขายจากโครงการใหม่ และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีก 8,300 ล้านบาท โดยได้มีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 18,900   ล้านบาท

ทำให้ณ สิ้นปี 2566 บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่ากว่า 19,700 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายใน 3 ปีข้างหน้า โดยกลุ่มสินค้าที่ยังคงสร้างยอดขายที่ดีให้กับบริษัทเป็นโครงการที่อยู่อาศัยประเภทแนวราบระดับลักซ์ชัวรีและคอนโดมิเนียมในเมือง

นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จด้านยอดขายจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติสามารถทำยอดขายได้กว่า 5,700 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ (All-time high) โดยโครงการที่ได้การตอบรับที่ดีเป็นโครงการประเภทคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรีบนทำเลถนนทองหล่อ ถนนสุขุมวิท และถนนวิทยุ เช่น โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ,โครงการโนเบิล สเตท 39 และโครงการ ดิ เอ็มบาสซี ไวร์เลส ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนระหว่างบริษัทกับกลุ่มฮ่องกง แลนด์ มียอดขายจากลูกค้าต่างชาติเข้ามากว่า 2,200 ล้านบาท

ขณะเดียวกันบริษัทได้ขยายตลาดของลูกค้าต่างชาติไปในตลาดใหม่ๆ ให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น เมียนมา ไต้หวัน สิงคโปร์ และฮ่องกง เป็นต้น โดยเชื่อมั่นว่าในปี 2567นี้กลุ่มลูกค้าคนจีนจะกลับมามากขึ้น หลังจากเศรษฐกิจภายในประเทศของจีนกลับมาดีขึ้น ช่วยหนุนให้ยอดขายจากลูกค้าต่างชาติของบริษัทกลับมามากยิ่งขึ้น

นายศิระ อุดล ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะโฟกัสการลงทุนไปที่ตลาดคอนโดฯเพิ่มมากขึ้น เพื่อทดแทนสินค้าเดิมในพอร์ตที่ถูกขายออกไปเยอะแล้ว โดยเฉพาะปีนี้จะมีคอนโดฯที่สร้างเสร็จใหม่จำนวน 4 โครงการ  ประกอบด้วย โครงการนิว โนเบิล รัชดา–ลาดพร้าว,โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ,โครงการนิว คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง และโครงการนิว คอร์ คูคต สเตชัน ซึ่งปัจจุบันทั้ง 4 โครงการมียอดขายรวมเฉลี่ยแล้ว 70%

ส่วนปีนี้จะเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 14,310 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดฯทั้งไฮไรส์และโลว์ไรส์จำนวน 4 โครงการ มูลค่า 10,230 ล้านบาท และโครงการแนวราบ 3 โครงการ มูลค่า 4,080 ล้านบาท อาทิ โครงการ Noble Norse กรุงเทพกรีฑา บ้านเดี่ยวเนื้อที่กว่า 18 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,480 ล้านบาท  โครงการ Nue Shade ราชพฤกษ์-แจ้งวัฒนะ บ้านเดี่ยวและบ้านแฝดมูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท โครงการคอนโดฯไฮไรส์ย่านพัฒนาการ มูลค่า 2,100 ล้านบาท และโครงการ Nue Coast คูคตสเตชั่น เฟส 3  ซึ่งเป็นโครงการร่วมทุนกับกลุ่มบีทีเอส พัฒนาเป็นคอนโดฯโลว์ไรส์สูง 8 ชั้นบนเนื้อที่กว่า 7 ไร่ มูลค่าโครงการ 1,470 ล้านบาท เป็นต้น

“บริษัทตั้งเป้าจะก้าวสู่ระดับ Top 5 ในฐานะผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯไทย ทำให้ต้องเร่งเดินหน้าพัฒนาโครงการใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2567 บริษัทมีแผนซื้อที่ดินเพิ่มอีก 3 แปลง คือ ที่ดินบนทำเลพระราม 9 เพื่อจะพัฒนาเป็นโครงการคอนโดฯไฮไรส์ราคาเริ่มต้นกว่า 3 ล้านบาท มูลค่าเกือบหมื่นล้านบาท ที่ดินย่านประชาชื่น ใกล้กับห้างโลตัสา แจ้งวัฒนะ ติดถนนเลียบคลองประชา จะพัฒนาเป็นคอนโดฯโลว์ไรส์ และที่ดินย่านบางนา-ตราด ใกล้กับโครงการธนาซิตี้ บางนา ซึ่งเป็นการร่วมทุนกับกลุ่ม BTS และสหพัฒน์ จะพัฒนาเป็นโครงการบ้านเดี่ยว”

นายอรรถวิทย์ เฉลิมทรัพยากร ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจใหม่ กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าต่อยอดธุรกิจให้มีความครบวงจรเต็มรูปแบบมากขึ้น โดยการเพิ่มไลน์ธุรกิจใหม่ภายใต้บริษัทเซิร์ฟ โซลูชั่น จำกัด เพื่อรับงานบริหารนิติบุคคล ธุรกิจบริการฝากขาย-ปล่อยเช่า รวมถึงบริการจัดหาเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้น เบื้องต้นจะเข้าไปรับงานบริหารนิติบุคคลมให้กับโครงการของโนเบิลฯก่อนประมาณ 25 โครงการ และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะมีงานเพิ่มขึ้นเป็น 30 โครงการ

นอกจากนี้ยังมีแผนจะลงทุนในธุรกิจต่อเนื่องที่จะสร้างรายได้ประจำ (Recurring Income ) เช่น ธุรกิจการให้บริการสายไฟเบอร์ออฟติกในโครงการที่อยู่อาศัย ธุรกิจบริการสถานีชาร์จรถไฟฟ้า(EV Charger) และธุรกิจบริการติดตั้งแผงโซล่าเซลล์บนหลังคาของโครงการที่อยู่อาศัย เป็นต้น รวมทั้งบริษัทยังมองหาธุรกิจใหม่ๆที่จะทำร่วมกับพันธมิตรซึ่งมีความเชี่ยวชาญโดยตรง เช่น ธุรกิจบริการพื้นที่เก็บของ (Self-Storage) คาดว่าจะสามารถเปิดเผยรายละเอียดได้เร็วๆ นี้ โดยบริษัทวางเป้าหมายภายใน 3 ปีจะนำบริษัทเซิร์ฟ โซลูชั่น จำกัด เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*