ออลล์ อินสไปร์ฯ เดินหน้าหาผู้ร่วมทุนใหม่เข้ามาเสริม เพิ่มศักยภาพทางธุรกิจ “ธนากร ธนวริทธิ์” เผย ใน 3 รายที่กำลังเจรจาอยู่คือ บริษัทรถไฟของญี่ปุ่น “เจอาร์ คิวชู” คาดสรุปรายละเอียดได้ภายในพฤศจิกายน 2561

 

นายธนากร ธนวริทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ดิ เอ็กเซล ไรส์ และอิมเพรสชั่น เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนกับกลุ่มทุนต่างชาติอยู่ 2-3 ราย ซึ่งหนึ่งในบริษัทที่อยู่ระหว่างการเจรจานั้น คือ บริษัทเจอาร์ คิวชู (JR Kyushu) บริษัทรถไฟของญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะสรุปในรายละเอียดต่างๆ รวมถึงพันธมิตรใหม่ที่จะร่วมทุนนั้นเป็นใครได้ภายในเดือนพฤศจิกายน  2561

 

“เราเปิดกว้างรับพันธมิตร เพื่อเพิ่มศักยภาพ เสริมความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ เพื่อยกระดับความเป็นผู้นำอสังหาริมทรัพย์ไทย รองรับอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดด และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า” นายธนากร กล่าว พร้อมกับระบุว่า การที่จะร่วมทุนกับใครนอกจากมีความแข็งแกร่งเรื่องเงินทุนแล้วบริษัทนั้นๆ ต้องมีโปรไฟล์ที่ดีด้วย

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2560 บริษัท ออลล์ อินสไปร์ฯ ได้จัดแถลงข่าวประกาศร่วมทุนกับบริษัท ฮูซิเออรส์ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (Hoosiers Holdings) ณ สำนักงานใหญ่ ชั้น 18 อาคารภิรัช ทาวเวอร์ แอท ไบเทค บริษัท ฮูซิเออรส์ฯ ยักษ์ใหญ่ในวงการอสังหาฯ ติดอันดับ 1 ใน 10 ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น โดย นายธนากร กล่าวว่า “กับทางฮูซิเออรส์ฯ ปัจจุบันยังคงดำเนินธุรกิจร่วมกันอยู่”

 

สำหรับข้อตกลงภายใต้ความร่วมมือบริษัท ฮูซิเออรส์ โฮลดิ้งส์ นั้น จะร่วมกัน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 6,000 ล้านบาท โดยโครงการแรกที่ร่วมทุนก่อนได้แก่โครงการ “ดิ เอ็กเซล ไฮด์อะเวย์ สุขุมวิท 50” (The Excel Hideaway Sukhumvit 50) มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ด้วยการก่อตั้งบริษัท ออลล์ อินสไปร์-ฮูซิเออรส์ สุขุมวิท50 ขึ้นมาพัฒนาโครงการดังกล่าว

 

ด้านแหล่งข่าวจากวงการอสังหาฯ กล่าวว่า การที่กลุ่มทุนญี่ปุ่นยังคงไหลเข้าลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่เป็นการเข้ามาลงทุนในนามบุคคล  ส่วนการลงทุนของบริษัทขนาดกลาง-ใหญ่ มีทั้งรายเดิมและรายใหม่ที่ขยายการลงทุนเข้ามา ส่วนหนึ่งเพราะนักลงทุนญี่ปุ่นมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในประเทศไทย บรรยากาศโดยรวมของประเทศรวมถึงนโยบายและแผนลงทุนของรัฐบาลไทยชัดเจน “ที่เลือกประเทศไทยเนื่องจากมองเห็นโอกาสช่องทางการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และไทยเองก็ถือเป็นฮับของกลุ่มประเทศอาเซียนด้วย”

 

ทั้งนี้ การที่บริษัทจากญี่ปุ่นเล็งไทยเป็นฐานการลงทุนในธุรกิจที่อยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นคอนโดมิเนียม หรือเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์เป็นอันดับแรก ส่วนหนึ่งเพราะเจาะกลุ่มญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย และในขณะเดียวกันก็ขยายสู่กลุ่มคนไทยด้วยเช่นกัน

 

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> “ออลล์ อินสไปร์”ควงพันธมิตรญี่ปุ่นลั่นกลองรบอสังหาฯ