เซ็นทรัลพัฒนา วางแผนลงทุนต่อเนื่อง 121,000 ล้านบาท ใน 5 ปี ชูความสำเร็จ The Ecosystem For All ผนึกพันธมิตรเติบโตทั้งระบบ เดินหน้าแผนพัฒนาโครงการ สร้างย่าน สร้างเมืองหลัก-เมืองรอง ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวทั่วประเทศ ทั้งสร้างโครงการใหม่ และยกระดับโครงการปัจจุบันแบบเต็มรูปแบบ พร้อมพลิกโฉมรีเทลครั้งยิ่งใหญ่ด้วยโครงการระดับ The World’s New Magnitude จ่อเปิด เซ็นทรัล นครปฐม สิ้นเดือนนี้ ทุ่มงบปรับปรุงศูนย์การค้า 6 สาขา ใน 3 มุมเมือง จับตาเมกะมิกซ์ยูสบนสุดยอดทำเล 5 แห่ง ด้วยพื้นที่รวมกันกว่า 2.2 ล้านตารางเมตร นำร่อง ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ปี 2568 เพิ่มพอร์ตมิกซ์ยูสเป็น 25 โครงการ พร้อมเปิด เซ็นทรัล กระบี่ รวมทั้งอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า Central Park


นางสาววัลยา จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา หรือ CPN  กล่าวว่า “ในปีที่ผ่านมา วางฐานรากและสร้างความสำเร็จให้ The Ecosystem for All ซึ่งเป็นโมเดลที่มี Retail-Led เป็นหัวใจสำคัญในการ Synergy ทุกธุรกิจ ปีนี้ยังคงมุ่งมั่นสร้างความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น พร้อมเป็นแรงขับเคลื่อนผลักดันเศรษฐกิจประเทศ โดยตลอด 7 ปีที่ผ่านมา (2560-2566) ลงทุนต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 15,000-22,000 ล้านบาท โดยในปีที่ผ่านมาประสบความสำเร็จสร้าง New High ด้าน ผลประกอบการประจำปี 2566 มีรายได้ 46,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 26%

ทั้งนี้ เซ็นทรัลพัฒนายังคงวางแผนระยะยาวในการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในแผน 5 ปี ตั้งแต่ปี 2567-2571 วางแผนลงทุนทั้งสิ้น 121,000 ล้านบาท โดยวางสัดส่วน 60% สำหรับโครงการใหม่ 20% ในโครงการรีโนเวต และ 20% สำหรับขยายพื้นที่และโมเดลธุรกิจใหม่ ซึ่งในปี 2567 นี้ จะมีโครงการที่เปิดให้บริการใหม่ทั้งสิ้น 13 โครงการ ได้แก่ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล นครสวรรค์ และเซ็นทรัล นครปฐม, โครงการที่อยู่อาศัย 10 โครงการ และโรงแรมแห่งใหม่ที่ระยอง จับมือกับ International Chain ระดับโลก ทำให้ในภายในปี 2567 จะมีโครงการศูนย์การค้า 42 โครงการ, คอมมูนิตี้ มอลล์ 17 โครงการ, ที่อยู่อาศัย 43 โครงการ, โรงแรม 10 โครงการ, และออฟฟิศ 10 โครงการ

“ปัจจุบันเรามีโครงการมิกซ์ยูส 20 โครงการ ปีที่ผ่านมาได้ขยายเพิ่มที่อุบลราชธานี, อยุธยา, ชลบุรี, ศรีราชา, หาดใหญ่ และในอนาคตเตรียมขยายทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดอื่นๆ อาทิ นครสวรรค์, นครปฐม, นครศรีธรรมราช, สุราษฎร์ธานี และจะเตรียมเปิดในปี 2568 ที่จังหวัดกระบี่ ซึ่งจะทำให้ปี 2568 จะมีโครงการมิกซ์ยูสเป็น 25 โครงการ โดยวิสัยทัศน์ในการสร้าง The Ecosystem for All ที่มี Retail-Led Synergy ช่วยสนับสนุนให้ทุกธุรกิจเชื่อมโยงกันและเติบโตแข็งแกร่ง โดยที่การพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ จะยิ่งช่วยสร้าง Impact ในวงกว้างได้ สร้างเงินสะพัด ยกระดับคุณภาพชีวิต ช่วยกระจายรายได้ในจังหวัด พร้อมเชิดชูอัตลักษณ์ไทย สร้างเมืองเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพมากขึ้น สอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการกระตุ้น GDP และเศรษฐกิจประเทศ” นางสาววัลยากล่าว

นายชนวัฒน์ เอื้อวัฒนะสกุล Chief Development and Commercial Officer บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า  ในปีนี้จะมีการลงทุน Asset Enhancement จำนวน 23,000 ล้านบาท ในระยะเวลา 5 ปี เทียบชั้นการลงทุนเพื่อศูนย์การค้าใหม่ และจะปรับศูนย์การค้าแบบ turnaround ทั้งหมด 6 ศูนย์การค้า ปักหมุด 3 มุมเมือง รอบทิศกรุงเทพฯ-ปริมณฑล คือ

เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ใช้เม็ดเงิน 1,800 ล้านบาท เพื่อเติมเต็มไลฟสไตล์โซนปิ่นเกล้า รองรับกำลังซื้อที่สูงขึ้น


เซ็นทรัล บางนา พัฒนาเป็น District Transformation จับกลุ่มลูกค้า Top Tier ย่านบางนา


เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ สร้าง Concept Mall ใหม่ตอบโจทย์ Eco Art Lifestyle


เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ Build New Lifestyle Landmark ยิ่งใหญ่ ครบครันที่สุดในย่านสำหรับเมื่องท่องเที่ยวใหญ่ ซึ่งอาจใช้งบมากกว่า 4,000 ล้านบาท พัฒนาเป็นมิกซ์ยูสคอนเซ็ปต์ใหม่ ที่มีทั้งศูนย์การค้า โรงแรม และที่อยู่อาศัย


เซ็นทรัล พัทยา รองรับกำลังซื้อจากนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาเป็นจำนวนมาก ง
และ เซ็นทรัล มารีน่า ปรับเป็น Outlet Format เพราะมองเห็นโอกาสจากพฤติกรรมการช้อปของนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่ง

การพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ที่ช่วยผลักดันศักยภาพทั้งเมืองหลัก-เมืองรอง พร้อมสร้าง Local Wealth โดยในปีนี้เปิด 2 โครงการใหม่คือ ‘เซ็นทรัล นครสวรรค์’ ที่ได้สร้างกระแส Talk of the Town ยกระดับเมืองสู่ Gateway to the North และในวันที่ 30 มี.ค. 2567 เตรียมเปิด ‘เซ็นทรัล นครปฐม’ ปฐมบทใหม่ของความสุข เชื่อมต่อภาคตะวันตกอย่างกาญจนบุรี และราชบุรี สะท้อนอัตลักษณ์เมืองคือพระปฐมเจดีย์ และในปี 2568 เตรียมเปิด ‘เซ็นทรัล กระบี่’ มูลค่าโครงการ 4,500 ล้านบาท เติมเต็ม Retail Lifestyle ให้กับกระบี่ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงติดอันดับโลก จากการเห็นกำลังซื้อที่ชัดเจนของผู้ประกอบการท้องถิ่นและนักท่องเที่ยว

เตรียมสร้างปรากฏการณ์ครั้งใหญ่ครั้งใหญ่ด้วยการพัฒนาโครงการ “The World’s New Magnitude” ซึ่งจะมีความสำคัญในระดับโลก ด้วยการขยายย่านการค้าและธุรกิจในหลายมุมเมืองเหมือนโมเดลเมืองใหญ่ทั่วโลก โดยจะพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสจำนวน 5 โครงการ มีพื้นที่ทุกโครงการรวมกันกว่า 2.2 ล้านตารางเมตร และทั้งหมดนี้ อยู่บน Super Prime Locations รอบกรุงเทพฯ ตั้งอยู่บนถนนใหญ่ และเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า แต่ละโครงการจะเป็น Flagship ที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในอนาคต และจะเป็น Landmark ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เตรียมพบกับโครงการแรกคือ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ในเดือนกันยายนปีนี้ กับโรงแรมดุสิตธานีโฉมใหม่ พร้อมเปิดส่วนอาคารสำนักงานและศูนย์การค้า Central Park ในปีหน้า 2568

ส่วนอีก 4 โครงการจะขอเผยข้อมูลในครึ่งหลังของปี 2567 เนื่องจากข้อมูลบางส่วนยังอยู่ในช่วงของการวางแผนงานรอความชัดเจนอีกครั้ง โดยแปลงที่ดินที่ชัดเจนแล้วนั้นประกอบด้วย แปลงที่ดินย่านพหลโยธิน แปลงที่ดินพื้นที่บริเวณ Block A เขตพาณิชย์สยามสแควร์ แปลงที่ดินย่านพระราม 9 เป็นต้น สำหรับเซ็นทรัลลาดพร้าวปัจจุบันเพิ่งต่อสัญญากับทางการรถไฟ โดยจะหมดสัญญาในปี 2571 ยังคงยินดีพร้อมเจรจาหากทางการรถไฟเปิดโอกาสซึ่งปกติแล้วนั้นจะมีการเจรจาร่วมกันในช่วงใกล้หมดสัญญา หรือประมาณราว 2 ปี สุดท้าย นอกจากนี้ยังคงมองหาพันธมิตรเพื่อสร้างการเติบโตร่วมกันของ Ecosystem ที่จะพัฒนาโปรเจ็กต์ให้ใหญ่ขึ้นรวมทั้งเติบโตไปพร้อมกันเพื่อสร้างความแข็งแกร่งในระยะยาว

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*