ถ้าพูดถึง Developer หรือบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ ที่เติบโตอย่างรวดเร็วจนเป็นที่รู้จักทั้ง “นักลงทุน” และ “คนซื้ออยู่เอง” แล้ว
ASW หรือ AssetWise หรือ บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในนั้นแน่นอน เพราะทั้ง Atmoz , Modiz และ Kave ต่างก็ประสบความสำเร็จมาทุกโครงการ ด้วย DNA ของ ASW ที่ทุกคนรู้กัน คือแปลนห้องต้องสวย ส่วนกลางต้องจัดเต็ม แน่น เยอะ และครบ การดูแลหลังการขายที่ดี และลูกเล่นทางการตลาดใหม่ๆ ที่ทันสมัยตลอดเวลา ด้วยความที่ทีมผู้บริหารเองก็เป็นคนรุ่นใหม่ การทำตลาดที่เห็นจึงเฟี้ยวฟ้าวตลอดเวลา อย่างโฆษณา หรือ Artwork ต่างๆ ที่มีความคิดสร้างสรรค์โดดเด่นเป็นที่พูดถึงมาโดยตลอด 

ตั้งแต่ ASW เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เมื่อปีที่แล้ว เมษายน 2564 เราก็ยังได้เห็นการลุยเปิดโครงการอย่างต่อเนื่อง แถมทั้งยอดขายและกำไร ก็เติบโตอย่างต่อเนื่องเช่นกัน  มาปีนี้ แค่เริ่มต้นเดือนแรก ASW ก็สร้างเซอร์ไพรซ์ ด้วยการประกาศข่าวใหญ่ 3 ข่าวติดๆ กันแล้ว  นี่แค่เดือนแรกของปีเท่านั้นนะ เชื่อว่าช่วงเวลาที่เหลือในปีนี้ เรายังจะได้เห็นการรุกคืบขยายธุรกิจครั้งใหญ่อีกหลายครั้ง เพราะเกมนี้คือเกมใหญ่เกมยาวที่ทาง ASW ตั้งใจไว้ว่าจะต้องก้าวขึ้นแท่น บริษัทชั้นนำในตลาดผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของไทยในอนาคตให้ได้

การจะเติบโตได้ของ Developer หากเป็นยุคก่อนๆ ก็คงต้องอาศัยการเร่งระดมทุน  หาซื้อที่ดินแปลงสวยๆ เก็บเป็น Land Bank ไว้มาออกแบบโครงการ ทำเรื่องขอกู้เงินจากธนาคาร มาสร้างโครงการขาย ขยายโครงการให้ได้มากที่สุด มีโครงการให้เยอะที่สุด เร่งขายให้ได้มากที่สุด แต่ก็ยังต้องใช้เวลานานอยู่ดี เพราะกว่าจะพัฒนาโครงการจากที่ดินเปล่ามาขายรับรู้รายได้นั้น ต้องใช้เวลานานมาก ในธุรกิจสมัยใหม่จึงมียุทธวิธีที่แตกต่างกันออกไปและทำให้เติบโตได้เร็วกว่าแบบเดิมมาก อย่างในปีนี้ที่ ASW เริ่มรุกมาแล้ว

1. AssetWise  แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่าได้เข้าซื้อกิจการจาก  บริษัท แม็กซี่ พรีเมียร์ วัน จำกัด ผู้พัฒนาโครงการ Maxxi Prime Ratchada-Sutthisan   คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 218 ยูนิต มูลค่าโครงการ ประมาณ 570 ล้านบาท อันนี้ถือเป็นการเทคโอเวอร์แบบเซียนมากๆ เพราะยอดขายของ Maxxi Prime Ratchada-Sutthisan  ก่อนที่จะเข้าซื้อนั้น ขายไปได้มากพอสมควรแล้ว นั่นแปลว่า ASW จะได้ทั้ง Backlog เพิ่มขึ้นรวมทั้งยอดรับรู้รายได้ที่สามารถรับรู้ได้ในเดือนกุมภาพันธ์  ปี 2565 นี้เลย ซึ่งเป็นผลดีกับราคาหุ้นแน่นอน  ที่สำคัญคือ หากเป็นโครงการที่ ASW เข้าซื้อแล้ว เรามั่นใจได้เลยว่า โครงการนั้นต้อง ดี สวย และคุ้มค่า แน่นอน เพราะ ASW มีมาตรฐานและ DNA ของตัวเองในการพัฒนาโครงการที่ต้องสมบูรณ์พร้อม ซึ่ง MAXXI PRIME Ratchada-Sutthisarn ได้ผ่านการคัดกรองอย่างเข้มข้นจากทีมงานแล้ว และเป็นเพียงโครงการเดียวที่ทาง ASW ประกาศเข้าซื้อ ด้วยความที่มี DNA ของโครงการที่เข้ากันได้กับ ASW ทั้งในเรื่องของศักยภาพของทำเลที่โดดเด่น เพราะตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสุทธิสารประมาณ 400 เมตร และส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานี ลาดพร้าว, ใกล้แหล่งรวมของห้างสรรพสินค้าชั้นนำ อาทิเช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว, Union Mall, เดอะสตรีท,   เอสพลานาด รัชดา, เซ็นทรัล พระราม 9 รวมถึง อาคารสำนักงานมากมาย สถานศึกษา และโรงพยาบาล   นอกจากนี้ยังเป็นโครงการที่ออกแบบได้สวยงามมาก  มีพื้นที่ส่วนกลางที่หลากหลาย จัดเต็มด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบตามสูตร ทั้งการจัดรูปแบบห้องที่ลงตัวและการตกแต่งห้องด้วยวัสดุคุณภาพสูงกว่าคอนโดระดับเดียวกันมากๆ ที่สำคัญคือ ASW มองว่าการซื้อครั้งนี้เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า  ได้อัตราผลตอบแทนภายใน (IRR) สูงกว่าการไปหาซื้อที่ดินแปลงใหม่มาพัฒนาโครงการเอง ซึ่งต้องใช้เวลานานในการพัฒนา และหาทำเลดีดีแบบนี้ได้ยากแล้ว


2. การร่วมทุนหรือการ Joint-Venture กับบริษัทชั้นนำต่างๆ ที่สามารถทำให้เกิดการเติบโตแบบก้าวกระโดดได้รวดเร็ว เช่น การร่วมทุนกับบริษัทต่างชาติเป็นครั้งแรกกับ TAKARA LEBEN บริษัทชั้นนำจากญี่ปุ่น โดย บริษัท ทาคาระ เลเบ็น จำกัด เป็นบริษัทใน เครือทาคาระ กรุ๊ป กลุ่มบริษัทด้านพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม Leasing and management รวมถึง Electric Power Generation Business ของญี่ปุ่น เป็นบริษัทที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวตั้งแต่ปี 2004 การร่วมทุนครั้งนี้จะมีมูลค่าโครงการกว่า 2,200 ล้านบาท เป็นโครงการใหม่ บนทำเลศักยภาพสูง NEW CBD ของกรุงเทพ คือ โครงการ ATMOZ บางนา ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ขนาดใหญ่ย่านบางนาที่กำลังเติบโต ใกล้ทั้งรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว และ MRT สายสีเหลือง ติดถนนใหญ่เส้นบางนา-ตราด โดย บริษัทร่วมทุนนี้ทาง  ASW จะถือหุ้นในสัดส่วน 51% และ ทาคาระ เลเบ็น ถือหุ้นในสัดส่วน 49% และแน่นอนว่า ทาง ASW ยังคงเน้นการร่วมมือกับพันธมิตรที่ต้องมี DNA คล้ายกัน  ดังเช่น  ปรัชญาในการดำเนินธุรกิจของทั้ง 2 บริษัทที่เน้นการให้ความสุขกับผู้คนเป็นหลักในการทำธุรกิจ อย่าง “We build happiness” ของ ASW และ  “Think happiness and make the happiness” ของ TAKARA LEBEN

ซึ่งเราจะได้เห็น Big Surprise กับ ความเปลี่ยนแปลงของทำเลบางนาครั้งใหญ่ในเร็วๆ นี้ แน่นอน

3. นอกจากการร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจเดียวกันหรือต่อเนื่องกันแล้ว  ล่าสุดการร่วมมือข้ามสายธุรกิจเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ ASW เลือกเพื่อสร้างความเติบโตทางธุรกิจ จึงเกิดการร่วมมือกับ Partner ใหม่ๆ ที่สามารถมาต่อยอดและขยายธุรกิจของ ASW ได้ เช่นการจับมือกับ Popcoin ซึ่งเป็นสมาร์ทมาร์เก็ตติ้งแพลตฟอร์ม “เอนเตอร์เทนเมิร์ช”  ที่เกิดจากความร่วมมือของบริษัทชั้นนำอย่างบริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS Group, บริษัท โฟร์ท แอปเปิ้ล จํากัด, บริษัท ฟิวเจอร์ คอมเพเทเร่ จำกัด และบริษัทพันธมิตรแนวหน้าของไทย โดย Popcoin ถือเป็น Utility Token ที่จะเป็นตัวกลางในการใช้งานต่างๆ บนแพลตฟอร์ม เป็นเครื่องมือใหม่ในการสร้างโอกาสทางการตลาดให้แก่ผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดใน Popcoin Ecosystem ทั้งแบรนด์ ผู้สร้างคอนเทนต์ และโดยเฉพาะผู้บริโภค โดย Popcoin จึงเป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญ ที่พลิกโฉมการทำกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อเพิ่มมูลค่าและสร้างสิทธิประโยชน์รูปแบบใหม่ ๆ ให้กับลูกค้า อีกทั้งยังสามารถนำเหรียญ Popcoin มาต่อยอดในกิจกรรมต่าง ๆ  ที่ทาง ASW จะเตรียมมามอบเป็นสิทธิประโยชน์และเป็นแผนการสร้างลูกค้ากลุ่มใหม่ในอนาคตอันใกล้นี้

สำหรับคนในวงการอสังหาริมทรัพย์แล้ว AssetWise ถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ น่าจับตามองของกลุ่ม นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ ที่เติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยการนำของนักบริหารรุ่นใหม่ไฟแรงอย่าง “คุณเล็ก-กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์ CEO หนุ่มของค่าย ASW ที่ทำให้เราเห็นการเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับคนนอกวงการแล้ว  การที่ได้เห็นว่า Brand Awareness หรือการรับรู้แบรนด์ AssetWise ผ่านโครงการต่างๆ เช่น  Modiz, Atmoz หรือ Kave จากคนรุ่นใหม่ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว  น่าจะเป็นการยืนยันได้ว่า AssetWise  กำลังเดินทางมาถูกทางแล้ว  และกำลังเร่งเดินทางแบบเร็วขึ้นเรื่อยๆ บนเส้นทางที่มุ่งไปสู่การเป็นบริษัทชั้นนำในตลาดผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์   รวมทั้งการเป็นหนึ่งใน TOP of  MIND แบรนด์อสังหาฯ ในใจผู้บริโภคในอนาคตอันไม่ไกลนี้ 

ทิ้งคำตอบไว้

กรุณาใส่ความคิดเห็นของคุณ!
กรุณาใส่ชื่อของคุณที่นี่

*